เมื่อพูดถึง “กีฬาตะกร้อ” นอกจากลูกหวายกลมๆ ที่ใช้ในเกมกีฬาแล้ว หลายคนคงนึกถึง “รองเท้านันยาง” ซึ่งถือเป็นไอเท็มเด็ดที่อยู่คู่กับกีฬาชนิดนี้มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก ด้วยเอกลักษณ์รองเท้าขาว พื้นเขียวสะดุดตา ที่นักกีฬาสวมใส่ ทำให้ “รองเท้านันยาง” กลายมารองเท้าสำหรับกีฬาตะกร้ออันดับ 1 ไม่ยาก
ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของนันยางในส่วนตลาดรองเท้าตะกร้อในปัจจุบันทั้งในไทยและต่างประเทศว่า ปัจจุบันกีฬาตะกร้อเป็น 1 ใน 5 กีฬาที่มีผู้เล่นและได้รับความนิยมสูงสุดในไทยและอาเซียน ซึ่งรองเท้านันยางได้รับความนิยมสูงมากในการใส่เล่นตะกร้อ เนื่องจากคุณสมบัติพื้นยางรองเท้าที่เกาะพื้นได้ดี รูปทรงรองเท้าที่สามารถควบคุมการเตะได้อย่างแม่นยำ รวมถึงความกระชับในการสวมใส่ และทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ โดยสามารถพบเห็นผู้เล่นตะกร้อทั่วไปตามสถานที่ต่างๆ สวมใส่รองเท้านันยางเล่นตะกร้อในเกือบทุกสนามทั้งในไทยและต่างประเทศ
ปัจจุบันกีฬาตะกร้อได้รับความความนิยมเจากนานาชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “กีฬาตะกร้อ” จนกิดเป็นสหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ (ISTAF) ที่มีสมาชิกถึง 54 ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ความนิยมแพร่หลายไปไกลถึงต่างประเทศ จนกระทั่งมีนักกีฬาตะกร้อจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ยอมเก็บเงินส่วนตัว เพื่อเข้ามาฝึกซ้อมในสโมสรที่ประเทศไทย เพราะต้องการพัฒนาศักยภาพและเทคนิค เพื่อปูทางสู่ทีมชาติที่บ้านเกิดของตนเอง เพราะมีความมั่นใจในการสอนของโค้ชชาวไทย อีกทั้งในต่างประเทศเอง ก็มีการจ้างโค้ชชาวไทยบินไปช่วยฝึกสอนเช่นกัน ซึ่งเป็น community ที่เกิดขึ้นของกีฬาตะกร้อทั้งในไทยและต่างประเทศ”
และหากพูดถึงนักกีฬาตะกร้อระดับตำนานและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง คงหนีไม่พ้น “ปุ้ย-พรชัย เค้าแก้ว” ตัวฟาดอันดับ 1 แห่งวงการตะกร้อไทย และอันดับ 1 ของโลก จนได้ฉายา “ราชาหน้าตาข่าย” ที่ติดทีมชาติมายาวนานกว่า 21 ปี นับตั้งแต่ปี 2002 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีไม่กี่คนที่ยังคงเล่นให้กับทีมชาติมาอย่างยาวนานจนอายุ 42 ปี และในหลายๆ สนาม พรชัยได้สวมใส่รองเท้านันยางในการแข่งขันจนได้รับชัยชนะมากมาย โดยเฉพาะกับการแข่งขันกีฬาตะกร้อเอเชียนเกมส์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทุกสนามแข่งขัน และสามารถคว้าชัยชนะไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 10 เหรียญทอง จนกลายเป็นนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้ “ปุ้ย-พรชัย เค้าแก้ว” คือหนึ่งในนักกีฬาไทยที่กลายเป็นตำนานให้จดจำตลอดไป
จากจุดเริ่มต้นความสำเร็จ สู่ผ้าใบนันยาง Limited Edition 2023 ที่ชื่อ PK5
ความสำเร็จของพรชัยผสานกับความนิยมใส่รองเท้าผ้าใบนันยางในการเล่นตะกร้อ จึงทำให้นันยางวางแผนพัฒนารองเท้าผ้าใบรุ่น Limited ขึ้นมา โดยเชิญพรชัยมาร่วมออกแบบให้ได้รองเท้าในฝันของนักตะกร้ออย่างแท้จริง ที่สำคัญเพื่อเป็นการยกย่องในความสามารถ ความเสียสละ ทุ่มเท และรวมถึงชื่นชมสำเร็จของคุณปุ้ย ในการเล่นตะกร้อรับใช้ชาติที่สามารถคว้าชัยชนะได้มาอย่างยาวนาน นันยางจึงถือโอกาสพิเศษนี้ ผลิตทำรองเท้าเป็นรุ่นพิเศษ นันยาง PK5 เพื่อยกย่องในความสำเร็จของ ปุ้ย-พรชัย เค้าแก้ว นักกีฬาตะกร้อระดับตำนาน “เพราะทุกก้าวของ “พรชัย เค้าแก้ว” คือตำนาน
จากเรื่องราวของลูกชาวนาในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีใครจำชื่อได้ ก้าวแรกของเด็กบ้านนอกที่โดนดูถูก ก้าวแห่งความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ ก้าวที่พัฒนาฝึกฝนจนเป็นคนบินได้ ก้าวสู่ความสำเร็จมากที่สุดในเอเชียนเกมส์ นันยางจึงตั้งใจสร้างสรรค์โปรเจคพิเศษนี้ขึ้นเพื่อยกย่องและเป็นเกียรติให้กับ ร้อยโทพรชัย เค้าแก้ว หลังจากรับใช้ชาติมาอย่างยาวนาน โดยได้พัฒนาจากรองเท้ารุ่นคลาสสิก (205-S) รองเท้าคู่ใจของพรชัยกว่า 30 ปี สู่รองเท้าผ้าใบนันยาง Limited Edition 2023 ที่ชื่อ PK5 โดยเป็นตัวย่อจาก P=Pornchai K=Kaokaew และเลข 5 คือเลขประจำเสื้อพรชัย ดีไซน์รองเท้าในรูปแบบที่นักกีฬาตะกร้อชื่นชอบ” ดร.จักรพล จันทวิมล กล่าวถึงที่มาของโปรเจคนันยาง PK5 และทุกก้าวของ “พรชัย เค้าแก้ว” ถูกถ่ายทอดเป็นรองเท้า Nanyang PK5 ที่แฝง 5 ความลับที่ซ่อนไว้ให้เป็นตำนาน ประกอบด้วย
1. ท่าไม้ตายของพรชัย หรือ PK’s Spike พร้อมกับชื่อย่อและเลข 5 หลังเสื้อของเขาถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์สำคัญของรองเท้า
2. รองเท้าสีดำ/ขาว สื่อถึงความสมดุลในความแตกต่างตลอดชีวิตการแข่งขันเซปักตะกร้อของพรชัย โดยสีดำ คือ ความมุ่งมั่น ดุดัน เด็ดขาด ที่ฟาดฟันคู่แข่งเพื่อชัยชนะ ส่วนสีขาวคือความอ่อนน้อม สุภาพ น้ำใจนักกีฬา และไมตรีที่มอบให้คนรอบข้างของพรชัย เค้าแก้ว
3. เชือกรองเท้า 3 สี สร้างจากตัวตนของ PK5 ที่ผสมผสานความมุ่งมั่น (ดำ) ที่อ่อนน้อม (ขาว) ส่งถึงปลายทางแห่งชัยชนะและความสำเร็จ (เหลืองทอง)
4. หมุดทอง 10 หมุด คือ จำนวนเหรียญทองเอเชียนเกมส์ที่พรชัยได้รับ และหมุดทองด้านล่าง 2 หมุด คือ เหรียญทองที่รออยู่ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ของพรชัย ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน 23 ก.ย. – 8 ต.ค. 2566
5. “Pornchai Kaokeaw” และลูกตะกร้อ ภายในพื้นรองเท้า ทำให้ในทุกก้าวที่สวมรองเท้าคู่นี้ จะมีพรชัยเป็นแรงผลักดันที่จะให้มุ่งมั่นรักษามาตรฐานและการพัฒนาตัวเองให้เต็มที่ เช่นเดียวกับอนาคตของพรชัยที่จะยังคงอยู่คู่กับตะกร้อและพัฒนานักกีฬารุ่นใหม่ให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไป
ทั้งนี้ ความเป็นตำนานร่วมกันระหว่าง นันยางรองเท้าผ้าใบระดับตำนาน กับ ปุ้ย-พรชัย เค้าแก้ว นักกีฬาตะกร้อทีมชาติระดับตำนานเหมือนกัน มาร่วมกันทำรองเท้าผ้าใบ Limited รุ่น PK5 พร้อมจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่ Stadium One ปทุมวัน ในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันเกิดของพรชัย เพื่อส่งสารเชิญชวนผู้เกี่ยวข้องในวงการตะกร้อและบรรดาแฟนคลับของพรชัยที่มีจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และผู้สนใจในกีฬาตะกร้อทุกคน ให้รับรู้เกี่ยวกับโปรเจคพิเศษในครั้งนี้ และรับรู้ว่ารองเท้าผ้าใบนันยางคือรองเท้าตะกร้อที่ดีที่สุดตลอดกาล ที่นักกีฬาตะกร้อคนนึง เริ่มใส่รองเท้านันยางตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียน เริ่มเล่นกีฬาตะกร้อครั้งแรก จนในที่สุดได้ทีมชาติในตำนานร่วมกับรองเท้าผ้าใบนันยาง
“เราวางแผนจำหน่ายนันยาง PK5 ในประเทศ 5,500 คู่ และจำหน่ายในต่างประเทศ 5,000 คู่ ได้แก่ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเซีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงลูกค้าในประเทศฝั่งยุโรปและอเมริกาด้วย ซึ่งนันยางคาดหวังกระแสตอบรับที่ไม่เพียงแต่เป็นยอดขายเท่านั้น แต่ต้องการสร้างมุมมองภาพลักษณ์แบรนด์นันยางใหม่ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์รองเท้าที่เหมาะสำหรับนักเรียน หรือเหมาะกับผู้สวมใส่ทั่วๆ ไปเท่านั้น แต่จะตอกย้ำถึงการเป็นแบรนด์รองเท้าผ้าใบที่ดีที่สุดสำหรับนักตะกร้อทุกคน และจะเป็นรองเท้าจำเป็นสำหรับนักกีฬาตะกร้อรุ่นใหม่ทุกคนที่ต้องมีใส่ไว้ใช้งาน ซึ่งโปรเจคนี้จะนำพานันยางไปสู่การเป็นมิตรแท้จริงของนักตะกร้อทุกคน “UNOFFICIAL PARTNER WITH ALL TAKRAW PLAYERS” และเป็นการปูทางเส้นทางรองเท้านันยางครั้งใหม่ ไปสู่แนวทางรองเท้ากีฬาในอนาคต”
โดยรองเท้านันยาง PK5 ราคาจำหน่ายคู่ละ 790 บาท ขนาด 38 – 47 (เท่ากับรองเท้านันยางรุ่น 205-S) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ นันยาง LazMall Flagship Store (Lazada) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้คาดการณ์ว่าปัจจุบันนันยางมีส่วนแบ่งตลาดรองเท้าตะกร้อสูงถึง 90% ของผู้ใช้งานทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มนักกีฬาทีมชาติไทย ที่ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม หรือลงแข่งขันจริง ก็มักจะใส่รองเท้าผ้าใบนันยางลงสนาม ยิ่งเป็นการการันตีได้ถึงคุณภาพสินค้าที่ดีเยี่ยม จนทำให้เกิดเป็นแบบอย่างในเหล่าคนเล่นตะกร้อทุกคน ทุกชาติ นิยมใส่รองเท้าผ้าใบนันยางเล่นตะกร้อตามนักกีฬาทีมชาติ
สำหรับภาพรวมตลาดการส่งออกของรองเท้าผ้าใบนันยางในปี 2566 โตขึ้นมากถึง 100% นับจากปี 2565 โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ลาว กัมพูชา มักนิยมใส่รองเท้านันยางเล่นตะกร้อเป็นอย่างมาก เพราะได้พิสูจน์จากผู้ใช้งานจริงแล้วว่า “รองเท้านันยาง” คือรองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับกีฬาตะกร้อในปัจจุบัน