หากพูดถึงผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้นผิวอย่างกระเบื้องหรือสุขภัณฑ์ที่หลายบ้านเลือกใช้ จะต้องมีผลิตภัณฑ์ของ บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCG Decor) ติดอันดับอยู่ด้วยแน่นอน โดยเฉพาะแบรนด์ COTTO ที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นหูและมีส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องและสุขภัณฑ์เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และยังมีแบรนด์อื่นๆ ในต่างประเทศ เช่น PRIME ที่มีส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องอันดับ 1 ในเวียดนาม และ MARIWASA ที่ครองส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องอันดับ 1 ในฟิลิปปินส์ (ข้อมูลจาก Euromonitor ปี 2564)
ล่าสุด บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ยานแม่ของ SCG Decorได้ประกาศกลยุทธ์ปรับโครงสร้างธุรกิจให้ SCG Decor ที่มีฐานการผลิตในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทน บมจ. เอสซีจี เซรามิกส์ หรือ COTTO ที่มีฐานการผลิตกระเบื้องในไทย แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้น COTTO เดิม เพราะได้ยกระดับเป็นผู้ถือหุ้นของธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในระดับอาเซียนอีกหลากหลายแบรนด์ภายใต้ SCG Decor ซึ่งยังคงมีการดำเนินงานของ COTTO รวมอยู่ด้วย
ธุรกิจภายใต้ SCG Decor แบ่งออกเป็น 2 ธุรกิจหลัก
1. ธุรกิจตกแต่งพื้นผิว (Decor Surfaces) เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกประเภท กระเบื้องปูพื้นและบุผนัง และวัสดุปิดผิวอื่น ๆ เช่น กระเบื้องไวนิล SPC (Stone Plastic Composite) กระเบื้องไวนิล LVT (Luxury Vinyl Tile)
2. ธุรกิจสุขภัณฑ์ (Bathroom) ได้แก่ สุขภัณฑ์ทั้งแบบทั่วไปและระบบอัตโนมัติ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ เช่น อ่างล้างหน้า ฝักบัว อ่างอาบน้ำ และ สินค้ากลุ่ม Smart Health & Wellness
หลังการปรับโครงสร้าง SCG Decor จะมีการดำเนินงานครอบคลุมธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน สร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น จากการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั้งการผลิตและการจัดหาวัตถุดิบ ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้และทำกำไรสูงขึ้นในอนาคต
SCG Decor ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูงในระดับ Regional Player จากโอกาสในการขยายตลาด และมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่น่าสนใจอยู่หลายประการ โดย 4 ประเทศที่ SCG Decor เข้าไปประกอบกิจการ คือ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย มีประชากรรวมกันกว่า 560 ล้านคน ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีโอกาสเพิ่มยอดขายได้อีกในอนาคต จากที่มีส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องเซรามิกและสุขภัณฑ์สูงสุดในไทย คิดเป็น 33% และมีส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องเซรามิกเป็นอันดับหนึ่งในประเทศเวียดนาม 26% และฟิลิปปินส์ 17%
อีกปัจจัยคือ ความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่ายและการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างครอบคลุมทั่วภูมิภาค ของ SCG Decor ผ่านตัวแทนจำหน่ายในไทย 592 ราย และ 277 รายในต่างประเทศ แบ่งเป็น ฟิลิปปินส์ 150 ราย เวียดนาม 126 ราย และอินโดนีเซีย 1 ราย ตลอดจนเครือข่ายร้านค้าปลีกสมัยใหม่ครอบคลุมทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น บุญถาวร โฮมโปร WILCON DEPOT และ SCG Decor ยังมีช่องทางจำหน่ายของตนเอง ได้แก่ ร้าน COTTO Life 3 สาขา และ คลังเซรามิก 104 สาขาในไทย ร้าน CTM 19 สาขาในฟิลิปปินส์ และร้าน Belanja 20 สาขา ในอินโดนีเซีย รวมถึงมี Sub-distributors ที่ซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายเพื่อขายต่อรวมกว่า 10,000 รายทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566)
และเป็นที่น่าสนใจว่า รายได้ของ SCG Decor ยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด โดยปี 2565 รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจตกแต่งพื้นผิวในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย และมีรายได้ที่สูงขึ้นจากธุรกิจสุขภัณฑ์ด้วย
SCG Decor พร้อมที่จะขยายโอกาสการเติบโต โดยมีแผนในการผสานพลังระหว่างกลุ่มบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเพื่อมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในอาเซียนผ่าน 5 กลยุทธ์หลักดังนี้
– ขยายธุรกิจสุขภัณฑ์สู่การเป็นผู้นำในอาเซียน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) และผลิตภัณฑ์กลุ่มพรีเมียม
– ต่อยอดธุรกิจตกแต่งพื้นผิวสู่การเป็นผู้นำในอาเซียน โดยประยุกต์ใช้โมเดลธุรกิจที่เข้มแข็งของประเทศไทย
– ขยายธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์ละบริการที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการให้บริการแบบครบวงจรในธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์
– บริหารห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้และศักยภาพในการทำกำไร
– เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยมาตฐานระดับโลก ด้วยการพัฒนากระบวนการและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emission) ในปี 2050
กล่าวโดยสรุป ด้วยศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาสินค้าที่เป็นนวัตกรรมเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ด้านการตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ การผสานความร่วมมือของกลุ่มบริษัท รวมถึงช่องทางจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วถึงทั้งภูมิภาค เป็นจุดแข็งสำคัญของ SCG Decor ที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ เพิ่มโอกาสขยายตลาด และเร่งการเติบโตในระดับภูมิภาคได้อย่างต่อเนื่อง
Reference:
– ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ บมจ. เอสซีจี เดคคอร์ ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th