“ท็อปส์” (Tops) ซูเปอร์มาร์เก็ตแถวหน้าของเมืองไทย ในเครือเซ็นทรัลรีเทลฯ ที่อยู่ในตลาดมากว่า 27 ปี มีการเดินหน้ายุทธศาสตร์ในการขยายสาขาเพื่อให้เข้าไปอยู่ในผู้บริโภค ด้วยการตลาดที่หลากหลาย ผ่านจุดแข็งสำคัญอย่างการมีสินค้าที่หลากหลายจากทั่วโลกกว่า 15,000 รายการ ใน 700 สาขาทั่วประเทศ
จาก “ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์” สาขาแรกที่ อาร์ซีเอ วันนี้ท็อปขยายสาขาไปแล้ว 700 แห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 16 สาขาที่เน้นสินค้ากลุ่มอาหาร, ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด 2 สาขา เน้นอาหารนำเข้า, ท็อปส์ คลับ 1 สาขา เน้นสินค้านำเข้าระดับพรีเมี่ยม, ท็อปส์อีก 137 สาขา และท็อปส์ เดลี่ 534 สาขา
หลังต้นปีที่ผ่านมาท็อปส์ มีการจัดทัพใหญ่ด้วยการปรับกลยุทธ์ One Brand กับการรวมทุกโมเดลค้าปลีกให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้แบรนด์ “Tops” กับปรับภาพลักษณ์ใหม่เป็นแบรนด์ที่ทันสมัย ด้วยแนวคิด “Every Day Discovery” ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุดพร้อมสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
คุณจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด, ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า กุญแจความสำเร็จของ “ท็อปส์” สู่ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตเบอร์ 1 ของไทย เกิดจากการผ่านการวางกลยุทธ์ 3C เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ประกอบไปด้วย
- Customers : ลูกค้าที่หลากหลาย
- Communities : กระจายเข้าไปในชุมชนรองรับความต้องการ
- Customer Centric : ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
เมื่อรวมกับปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้า ประกอบไปด้วย จำนวนสินค้า ราคา แบรนด์ และความหลากหลาย โดยเฉพาะลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มองหาความแตกต่างและแปลกใหม่ ทำให้แบรนด์สามารถแข่งขันท่ามกลางธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตที่ท้าทายและสถานการณ์โดยรอบที่ไม่แน่นอนได้อย่างดี โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติ
คุณจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล
สู่ทศวรรษที่ 3 กับซูเปอร์มาร์เก็ตในยุค “ออมนิชาแนล”
ก้าวสู่ปีที่ 28 “ท็อปส์” ยังคงเดินหน้าในฐานะซูเปอร์มาร์เก็ตแถวหน้าของไทย ผ่านกลยุทธ์ One-Brand ไปพร้อมๆกับการปรับรูปแบบการบริการเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ในยุคที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแข่งขันกันด้วยนวัตกรรม-รูปแบบสาขาที่แปลกใหม่เข้าถึงลูกค้า หรือจะเรียกอีกอย่างว่ายุคของ “ออมนิชาแนล” ที่ผสมผสานเอาทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้ามาผสานการบริการอย่างไร้รอยต่อ
เร่ิมจากส่วนของออฟไลน์นั่นคือการขยายสาขานับจากนี้คือการปรับสาขาให้เข้าใกล้ลูกค้ามากที่สุด ผ่านโมเดลต่างๆ ทั้ง ท็อปเดลี่ 24 ชั่วโมง ท็อป ฟู้ด ฮออล์ และ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด เป็นต้น โดยปีที่ผ่านมา “ท็อปส์” มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 8 ล้านราย โดย 60% จับจ่ายมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และมากกว่า 70% เป็นยอดขายที่มาจากสมาชิก
นอกจากนี้การเปิดโมเดลใหม่อย่าง “Tops PRIME” (ท็อปส์ ไพร์ม) ซึ่งเป็นบริการดีลิเวอรีเหมาจ่ายรายเดือนในรูปแบบสมาชิกรายแรก และรายเดียวบนแพลตฟอร์มออนไลน์ค้าปลีกไทย ในรูปแบบบริการเหมาจ่ายในราคา 99 บาทต่อเดือน (เมื่อใช้บริการขั้นต่ำ 250 บาท) ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างดีมีการเติบโตเกือบเฉลี่ย 20% ในทุกๆ เดือน มียอดผู้สมัครเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 19% ในแต่ละเดือน และเพิ่มความความถี่ในการเลือกซื้อสินค้ากว่า 70% มียอดขายออมนิชาแนลเพิ่ม 1.5 เท่า ยอดการจับจ่ายเพิ่ม 20% และยังพบว่าช่วยให้ลูกค้าประหยั
“การใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายคือสิ่งที่ท็อปส์เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบสมาชิก ท็อปส์คลับ หรือโมเดลต่างๆที่มีอยู่ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งจากทั่วโลกผ่านสินค้ากว่า 15,000 รายการ จากแหล่งผลิตที่ดีที่สุ
ดจากประเทศต่างๆ กว่า 20 ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนสินค้าทั้งหมด อาทิ ฝรั่งเศส อิตาลี อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และออสเตรเลีย นั่นทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญของเราในการดึงดูดลูกค้า” คุณจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล กล่าว
นอกจากนี้ยังนำเสนอเรื่องราคา ความคุ้มค่า ผ่านแคมเปญ Tops Locked Price ในการช่วยตรึงราคาสินค้า ตลอดช่วง 2-3 ปี ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จนสามารถช่วยประหยัดเงินให้ลูกค้ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 500 ล้านบาทนับตั้งแต่เปิดตัวแคมเปญในปี 2020 โดยสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญมีอั
โดยมีไฮไลต์เป็นแคมเปญครบรอบ 27 ปี ที่จะจัดลากยาวตั้งแต่ 30 ส.ค.ไปจนถึง 10 ต.ค. 66 ซึ่งจะมีสินค้าราคาพิเศษ 27 รายการหมุนเวียนทุก 2 สัปดาห์ ทัพสินค้าราคา 27 บาท และราคาเริ่มต้น 127 บาท ครอบคลุมทั้งกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ในบ้าน
อ่านเพิ่มเติม
ไขข้อข้องใจ “ท็อปส์” ในไทยมีกี่โมเดล และความหมายของ “T-O-P-S” หลังซีอาร์ซีจัดพอร์ตแบรนด์ใหม่