เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว สำหรับ“บิ๊กซี” สาขาแรกในฮ่องกง เป็นการปรับโฉมมาจากร้าน AbouThai เดิมที่ทางกลุ่มได้เข้าซื้อกิจการทั้ง 24 สาขา มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จาก “กลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย” เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา
การเปิดตัวของ “บิ๊กซี” สาขาแรกในฮ่องกงครั้งนี้ “คุณอัศวิน-คุณฐาปณี เตชะเจริญวิกุล” ในฐานะแม่ทัพใหญ่ BRC เดินทางไปเปิดสาขาและดูแลงานครั้งนี้ด้วยตัวเอง สะท้อนถึงความสำคัญในการเปิดให้บริการที่ฮ่องกงเป็นอย่างมาก โดย “คุณอัศวิน” ถึงกับบอกว่า “เราหวังว่าจะเชื่อมโยงกับจีนผ่านทางฮ่องกงต่อไป”
ทั้งนี้ก่อนหน้ามีรายงานจาก China Business ถึงการให้สัมภาษณ์ของ คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ถึงการเข้าไปขยายสาขาในฮ่องกงครั้งนี้ว่า “ก่อนที่จะขยายธุรกิจมายังฮ่องกง บิ๊กซีมีร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่ให้ผู้คนจากจีนสามารถสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยได้โดยตรง โดยการเข้าซื้อกิจการครั้งล่าสุด (AbouThai) ของบริษัทในฮ่องกงจะปูทางไปสู่โอกาสในอนาคตในการร่วมมือกับบริษัทชั้นนำอื่นๆ ที่นี่และในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย”
ลงทุนระยะยาว 200 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง พร้อมลุยเปิด 99 สาขา ในปี 2569
ไม่เพียงในแง่ของการสร้างแบรนด์และโอกาสในการเปิดตลาดครั้งใหญ่ให้แก่บิ๊กซีเท่านั้น แต่การเปิดตลาดใหม่ครั้งนี้ “คุณอัศวิน” ยังบอกว่า“หลังบิ๊กซี รีเทล ได้ซื้อกิจการร้าน AbouThai ทั้ง 24 สาขา ในฮ่องกง โดยได้เปลี่ยนชื่อเป็นบิ๊กซี (Big C) ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา
จากนี้ไปบริษัทพร้อมวางแผนเปิดสาขาเพิ่มปีละ 25 สาขา เพื่อให้มีสาขารวมมากถึง 99 สาขา ภายในสิ้นปี 2569 และวางแผนการลงทุนระยะยาวในฮ่องกงด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
โดยคาดว่ายอดขายบิ๊กซีในฮ่องกงจะเติบโตอย่างรวดเร็วจะมากกว่า 1 พันล้านฮ่องกงดอลลาร์ในปี 2568 และมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง ในปี 2569 พร้อมนำเข้าสินค้าแบรนด์ดังจากประเทศไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากกว่า 80% เพื่อตอบสนองความต้องการและความต้องการของลูกค้าฮ่องกง
สำหรับร้านบิ๊กซี โฉมแรกที่ฮ่องกง มาพร้อมแนวคิด “ช้อปสนุก สุขที่บิ๊กซี” ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมี่ยมเน้นของนำเข้าจากประเทศไทยแบบ 100% เช่นเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามามากขึ้นคือสินค้าในเครือ BRC ทั้งอุปโภค-บริโภคมาวางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ของกิน ของใช้ ที่เป็นแบรนด์ไทยแทบทั้งสิ้น ตั้งแต่มุมเบียร์ช้างที่โดดเด่น แบรนด์เทสโต้ สบู่นกแก้ว มุมเครื่องดื่มสัญชาติไทยต่างๆ ที่มีมากขึ้น
สู่ “ฮ่องกง” ความท้าทายประตูบานใหญ่ (ใหม่) เชื่อมการค้าเอเชีย
ทั้งนี้การซื้อกิจการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของ บิ๊กซี รีเทล ในการขยายธุรกิจออกนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการยกระดับ Big C ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติไทยในกลุ่ม TCC ให้มีคุณภาพระดับพรีเมียม รวมถึงมีความสนใจการลงทุนในโครงการพัฒนาไคตั๊ก (Kai Tak) เป็นพื้นที่มหาศาลอยู่กลางเมืองและติดริมน้ำ ซึ่งฮ่องกงต้องการให้ไคตั๊กเป็นต้นแบบในการพัฒนาเมืองฮ่องกงในอนาคต”
ท่ามกลางความท้าทายในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ฮ่องกงก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เราเชื่อว่าฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำในเอเชียที่เชื่อมโยงตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับจีนแผ่นดินใหญ่ มีศักยภาพทางธุรกิจสูง รวมถึงเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปัจจัยที่เอื้อต่อธุรกิจและการลงทุน มีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งจีนเป็นหนึ่งในฐานลูกค้านักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของบิ๊กซี
ด้วยปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ บิ๊กซี รีเทล ได้เลือกฮ่องกงเป็นตลาดแรกนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากขยายธุรกิจในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อขยายสาขาบิ๊กซีกว่า 2,000 แห่ง ในรูปแบบร้านค้าที่หลากหลาย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ประกอบด้วย บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี มาร์เก็ต, บิ๊กซี ฟู้ดเพลส และบิ๊กซี มินิ
อย่างไรก็ตามสำนักงานของ บิ๊กซี ในฮ่องกงจะเป็นสำนักงานอิสระและดำเนินงานเฉพาะบิ๊กซีในฮ่องกงเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่สำนักงานใหญ่หรือสำนักงานระดับภูมิภาค และการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ บิ๊กซี รีเทล ในการมองหาโอกาสในตลาดที่มีอยู่และการขยายสู่ตลาดใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
อ่านเพิ่มเติม