HomeAutomobileการ์ทเนอร์คาดตลาดรถ EV’2023 โตทะลุ 18.5 ล้านคัน อเมริการัก PHEV จีน-ยุโรปรัก BEV

การ์ทเนอร์คาดตลาดรถ EV’2023 โตทะลุ 18.5 ล้านคัน อเมริการัก PHEV จีน-ยุโรปรัก BEV

รออีก 4 ปี ราคาเฉลี่ยของรถ BEV จะเท่ากับรถยนต์ ICE

แชร์ :

ev

การ์ทเนอร์คาดการณ์ยอดการจัดส่งรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั่วโลก (แบบใช้พลังงานจากแบตเตอรี่และแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด) ในปี 2023 จะมีปริมาณเกือบ 15 ล้านคัน และเป็นตลาดที่พร้อมเติบโตต่อ โดยคาดว่าในปี 2024 จะมียอดขายรวม 17.9 ล้านคัน หรือคิดเป็นการเติบโต 19% เลยทีเดียว

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การคาดการณ์ของการ์ทเนอร์เผยด้วยว่า หากประเมินการจัดส่งยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งหมด ตั้งแต่ รถยนต์ (Cars) รถโดยสาร (Buses) รถตู้ (Vans) และรถบรรทุกขนาดใหญ่ (Heavy Trucks) ในปี 2024 คาดการณ์ว่าจะมียอดรวมที่ 18.5 ล้านคัน โดยกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าจะคิดเป็น 97% ของยอดการจัดส่งยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ทั่วโลก พบว่ามีโอกาสเติบโตจาก 9 ล้านคันในปี 2022 เพิ่มเป็น 11 ล้านคัน ภายในสิ้นปี 2023 ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) จะเติบโตช้าลงเล็กน้อยจาก 3 ล้านคัน ในปี 2022 เพิ่มเป็น 4 ล้านคันในปี 2023

โจนาธาน ดาเวนพอร์ท ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “สัดส่วนของรถ PHEV คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศต่าง ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น  เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศเหล่านั้นชื่นชอบรถ PHEV มากกว่ารถ BEV”

ตลาดสหรัฐฯ ชอบ PHEV มากกว่า BEV

ผู้บริหารการ์ทเนอร์อธิบายเพิ่มเติมว่า ผู้บริโภคในสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มาเลือกใช้รถ PHEV มากกว่า BEV เนื่องจาก PHEV มีความสามารถที่ผสมผสานระหว่างการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์ ร่วมกับการขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเพื่อการเดินทางที่ยาวนานและไกลขึ้น

ขณะที่ในตลาดยุโรปตะวันตก จีน และอินเดียแตกต่างออกไป โดยรถ PHEV ได้รับความสนใจน้อยกว่า BEV เนื่องจากผู้บริโภคในตลาดเหล่านี้ให้ความสำคัญกับต้นทุนการใช้งานโดยรวมที่ต่ำกว่า รวมถึงประสบการณ์การขับที่เงียบกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง

นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ยังคาดว่า ภายในปี 2027 ราคาเฉลี่ยของรถ BEV จะเท่ากับรถยนต์ ICE ที่มีขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกัน ซึ่งจะเร่งให้เกิดการใช้ EV ทั่วโลก อย่างไรก็ดี ปัจจัยด้านราคาอาจไม่ใช่ตัวกำหนดการใช้งาน EV อีกต่อไป เพราะภายในปี 2027 ปัจจัยด้านการผลิตไฟฟ้าและประสิทธิภาพเครือข่ายอาจเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ EV หรือไม่แทนนั่นเอง


แชร์ :

You may also like