ถือเป็นการปิดดีลประวัติศาสตร์ธุรกิจพลังงานไทย ในวันที่ 31 สิงหาคม 2566 เมื่อ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น ได้ชำระค่าหุ้นจำนวน 2,283,750,000 หุ้น คิดเป็น 65.99% ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) ในราคาหุ้นละ 9.8986 บาท รวมมูลค่า 22,605 ล้านบาท ให้กับ ExxonMobil Asia Holding Pte. Ltd (เอ็กซอน โมบิล) เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทน้ำมันต่างชาติ “เอสโซ่” ในประเทศไทย
รวมเวลา 231 วัน นับจากวันประกาศซื้อกิจการจนถึงวันที่สินทรัพย์ของ “เอสโซ่ ประเทศไทย” มาอยู่ในมือ “บางจากฯ” อย่างสมบูรณ์ เส้นทางนับจากนี้จะเป็นการผสานสองพลังที่ยิ่งใหญ่ Together To Greater ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภค ผู้ถือหุ้น และการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ
ขั้นตอนเรื่องหุ้นเอสโซ่ต่อจากนี้ บางจากฯ จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมด (Tender Offer) ของ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) อีก 34.01% ในราคาหุ้นละ 9.8986 บาท วงเงินราว 11,652 ล้านบาท โดยตั้งโต๊ะรับซื้อตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน ถึง 12 ตุลาคม 2566 คาดว่าธุรกรรมจะเสร็จสิ้นช่วงไตรมาส 4 ปี 2566
“บางจากฯ” ขึ้นแท่นเป็นผู้นำโรงกลั่น
การที่บางจากฯ ธุรกิจพลังงานของไทยอายุ 39 ปี เข้าซื้อกิจการเอสโซ่ ประเทศไทย องค์กร 129 ปี นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงและเสริมสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงานระดับประเทศและระดับภูมิภาค
คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 ได้รับโอนสินทรัพย์ของเอสโซ่เรียบร้อยแล้ว ประกอบไปด้วย โรงกลั่นน้ำมัน ศรีราชา จังหวัดชลบุรี บนเนื้อที่ประมาณ 800 ไร่ มีกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน 2 แห่ง ที่ศรีราชาและลำปาง โรงงานอะโรเมติกส์ มีกำลังการผลิตพาราไซลีนขนาด 500,000 ตัน น้ำมันคงเหลือในสต๊อก 7.8 ล้านบาร์เรล สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ 832 แห่ง พื้นที่อาคารสำนักงานเอสโซ่ คลองเตย กรุงเทพฯ ขนาดประมาณ 9,000 ตารางเมตร
นอกจากนี้ยังมีหุ้นบริษัทท่อส่งปิโตรเลียม จำกัด (Thappline) 21% และหุ้นบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) 7.06%
เมื่อได้โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ศรีราชาเข้ามาเพิ่มเติม จากโรงกลั่นน้ำมันเดิม คือโรงกลั่นบางจาก พระโขนง ทำให้บางจากฯ มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน
การรวมโรงกลั่นของทั้งบางจากฯ และเอสโซ่ ทำให้ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของทั้งสองแห่ง มีความเชี่ยวชาญกลั่นได้ทั้งเบนซินและดีเซล อีกทั้งเพิ่มความหลากหลายในการจัดหาน้ำมันดิบ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาด รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกัน
“ในมุมนี้ถือว่าส่งผลดีต่อโลก จากการบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น คาร์บอนฟุตพริ้นท์จะน้อยลง ”
ขยายเครือข่ายสถานีบริการ 2,200 แห่ง
ในมุมของผู้บริโภค จะได้ใช้บริการจากเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศรวมกว่า 2,200 แห่ง เป็นสถานีบริการน้ำมันบางจาก 1,360 แห่ง และเอสโซ่ 832 แห่ง ที่จะทยอยเปลี่ยนป้ายเป็น “บางจาก” ภายใน 2 ปี นับว่าเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการมากขึ้น หาปั๊มได้ง่ายขึ้น ไปไหนก็เจอปั๊มบางจาก
สำหรับน้ำมันที่จำหน่ายในสถานีบริการเอสโซ่ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูงจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกทั้ง 2 แห่งของบางจากฯ น้ำมันทุกชนิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและได้รับการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน นอกจากนี้น้ำมันเกรดพรีเมียมของบางจากทั้งแก๊สโซฮอล์และดีเซล ยังได้มาตรฐานยูโร 5 และมีค่าออกเทนและซีเทนสูงกว่าค่ามาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน
นอกจากผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์น้ำมันบางจากได้มากขึ้นจากเครือข่ายสถานีบริการ 2,200 แห่งทั่วประเทศ ยังเข้าถึงธุรกิจ Non–oil ผ่านธุรกิจต่าง ๆ ของบางจากฯ อีกด้วย เช่น น้ำมันหล่อลื่น Furio และ EV charger โดยในปี 2567 บางจากฯ วางเป้าหมายเครือข่ายสถานีบริการรวม 2,250 แห่ง ครอบคลุมการให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น
สิทธิประโยชน์-คะแนนสะสมบัตรสมาชิกคงเดิม
สำหรับลูกค้าเอสโซ่ ซึ่งเป็นสมาชิกบัตรเอสโซ่ สไมล์ส 3.5 ล้านราย ก็สามารถโอนคะแนนสะสม มาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ได้ ตั้งแต่ 16 กันยายน 2566 ถึง 31 สิงหาคม 2567 โดยจะได้รับคะแนนโบนัสพิเศษเพิ่ม 100 คะแนน หากทำการโอนย้ายคะแนนภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566
สมาชิกบางจากกรีนไมลส์ นอกจากจะสามารถนำคะแนนสะสมจากการเติมน้ำมันและซื้อสินค้าในเครือบางจากฯ มาใช้เป็นส่วนลดหรือแลกรับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตนแล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์ที่ไม่เหมือนใครได้แก่ “ขึ้นเท่าไหร่ คืนเท่านั้น” โดยในวันแรกที่ปรับขึ้นราคาน้ำมัน เมื่อสมาชิกเติมน้ำมันจะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มเท่ากับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น เพิ่มเติมจากคะแนนปกติ
อีกทั้งยังสามารถโอนคะแนนเพื่อรับสิทธิประโยชน์จากพาร์ทเนอร์ชั้นนำ เช่น AIS , T1 , SCB PointX , ShopeePay, Air Asia เป็นต้น และยังร่วมบริจาคเงินจากการสะสมคะแนนให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่บางจากฯ ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อร่วมกันช่วยทำให้สังคมไทยน่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วย
สำหรับสมาชิกเอสโซ่ สไมล์ส หากยังไม่โอนย้ายคะแนนไปเป็นบางจากกรีนไมลส์ ก็สามารถสะสมคะแนนและแลกคะแนนเอสโซ่ สไมล์สได้อีก 1 ปีจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ภายใต้บัตรเดิม
ปี 67 เป้าหมายรายได้ 5 แสนล้าน
ดีลซื้อกิจการเอสโซ่นี้ หากมองในมุมผู้ถือหุ้น จะทำให้บางจากฯ เติบโตและแข็งแรงขึ้น เริ่มจากปี 2566 ที่รับรู้รายได้เอสโซ่ 4 เดือน คาดว่าบางจากฯ จะมีรายได้รวมกว่า 380,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้ 312,202 ล้านบาท
จากนั้นในปี 2567 รับรู้รายได้เต็มปี บางจากฯ วางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 500,000 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าการลงทุนซื้อกิจการเอสโซ่ครั้งนี้จะคุ้มทุนภายใน 5 ปี และเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้ถือหุ้นได้ดี
สะท้อนได้จาก “ทริส เรทติ้ง” ได้ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของบางจากฯ ที่ระดับ “A” และอันดับเครดิตตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่ระดับ “A” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ถือเป็นมุมมองเชิงบวกต่อความสำเร็จในการเข้าซื้อหุ้นเอสโซ่ (ประเทศไทย) ซึ่งบางจากฯ สามารถรับรู้รายได้ในทันที
วันนี้ทั้งพนักงาน ผู้ประกอบการ และลูกค้าจากเอสโซ่ได้เข้าสู่ครอบครัวบางจาก แล้ว การรวมทีมงานคุณภาพของทั้งสองบริษัทจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถในการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจของบางจากฯ ให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ Greenovative Experience ผ่านช่องทางการให้บริการที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
“บทสรุปของดีลประวัติศาสตร์นี้ ถือเป็นการผสานสองพลังที่ยิ่งใหญ่ Together To Greater เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากฯ เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานในประเทศไทยด้วย”