การมีรถแท็กซี่ไร้คนขับออกวิ่งให้บริการกำลังทำให้เมืองดังของสหรัฐอเมริกาอย่างซานฟรานซิสโกมีประเด็นร้อน ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพบว่า ผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับบางรายเลือกที่จะมีกิจกรรมทางเพศกันบนรถ รวมถึงความสามารถของรถบางคันที่ยังหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ไม่ดีเท่าที่ควร
สำหรับกรณีการมีเพศสัมพันธ์บนรถไร้คนขับนั้น ผู้ที่รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวคือสื่อของซานฟรานซิสโกอย่าง The San Francisco Standard ที่ทำการสัมภาษณ์ชายไม่ระบุนามคนหนึ่งว่า เขามีเพศสัมพันธ์บนรถแท็กซี่ไร้คนขับเหล่านี้มาแล้วหลายครั้ง สอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ ในหัวข้อ Autonomous Vehicles and the future of urban tourism ที่ระบุว่า การมีรถอัจฉริยะไร้คนขับจะนำไปสู่พฤติกรรมแปลก ๆ ในการใช้งานรถเหล่านั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเด็นการมีเพศสัมพันธ์บนรถไร้คนขับเกิดขึ้น เพราะเมื่อปี 2018 ก็เคยพบคลิปของคู่รักมีกิจกรรมทางเพศในรถ Tesla ขณะเปิดใช้งานฟีเจอร์ Autopilot เช่นกัน
ส่วนสาเหตุที่มีการจุดประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาส่วนหนึ่งอาจมาจากเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2023 หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐแคลิฟอร์เนียลงมติเห็นชอบให้ผู้ให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ หรือ Robotaxi สามารถขยายบริการไร้คนขับแบบชำระเงินในเมืองซานฟรานซิสโกได้ด้วยคะแนนเสียง 3 ต่อ 1 ซึ่งในแง่ของผู้ให้บริการ พวกเขามองว่า ถือเป็นก้าวใหญ่ของบริษัท และมีเสียงสนับสนุนที่มองว่า บริการเหล่านี้ดีต่อผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือคนที่เคยเรียกรถแท็กซี่แล้วโดนปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร
ขอบคุณภาพจาก Cruise
ส่วนเสียงที่ไม่พอใจก็มีเช่นกัน โดยรายงานจาก Bloomberg ระบุว่า หลังจากได้รับอนุญาตให้ขยายการให้บริการ Robotaxi แล้ว พบว่า Robotaxi เข้าไปกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่พลุกพล่านของเมืองจนทำให้รถติด หรือการสร้างอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การขับเข้าไปติดหล่มซีเมนต์ที่ยังไม่แห้งดีในพื้นที่ก่อสร้าง หรือการชนกับรถดับเพลิง เป็นต้น
ปัจจุบัน บริษัทแม่ของ Waymo คือ Alphabet ส่วน Cruise คือ General Motors และสิ่งหนึ่งที่ผู้โดยสารต้องตระหนักก็คือ ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรก็ตาม รถแท็กซี่ไร้คนขับเหล่านี้ได้มีการติดกล้องเอาไว้มากมายหลายจุดทั้งภายในและภายนอกตัวรถ เพื่อเหตุผลในด้านความปลอดภัยที่หากเกิดเหตุอันตรายใด ๆ ก็จะช่วยเหลือได้ทันท่วงที ดังนั้น กิจกรรมในรถที่เกิดขึ้นย่อมถูกบันทึกไว้ได้เช่นกัน