Electrolux บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจากสวีเดนประกาศเข้าสู่ภาวะรัดเข็มขัด เตรียมเลย์ออฟพนักงานเพิ่ม 3,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 6.5% ของพนักงาน เหตุยอดขายในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ โดยหล่นมาอยู่ที่ 4.09 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (33.4 พันล้านเหรียญโครนา) หรือลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022
การประกาศเลย์ออฟพนักงานเพื่อรักษาสถานะทางการเงินเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ Electrolux เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยบริษัทประกาศเลย์ออฟพนักงานมากถึง 4,000 ตำแหน่ง (ส่วนใหญ่เป็นพนักงานในทวีปอเมริกาเหนือ และปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จกว่า 95% แล้ว)
ส่วนการปรับลดพนักงานครั้งนี้ บริษัทระบุว่า มาจากความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่ลดต่ำลง และการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาด ซึ่งทำให้บริษัทต้องรัดเข็มขัดมากขึ้น เพื่อรักษาส่วนแบ่งกำไรเอาไว้ให้ได้ โดยปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานทั้งสิ้น 44,600 คน (ตัวเลขในไตรมาส 3) ซึ่งจำนวนที่ต้องการปรับลด 3,000 ตำแหน่งคิดเป็น 6.5% ของตัวเลขดังกล่าว
Jonas Samuelson ซีอีโอของ Electrolux ให้ความเห็นว่า ยอดขายที่ลดลงนี้มีผลจากคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าประเทศในสหภาพยุโรปและอเมริกาเหนือ ทำให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้ดีกว่า ซึ่งทางออกที่จะทำให้บริษัทกลับมาแข่งขันได้อีกครั้งคือการลดอัตราดอกเบี้ยลง
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 3 นั้น พบว่า บริษัทสามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยมีกำไรสุทธิที่ 123 ล้านเหรียญโครนา แต่ผลประกอบการ 9 เดือนพบว่า ยังเป็นขาดทุนสะสมที่ 1.1 พันล้านเหรียญโครนา จึงอาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การตัดสินใจเลย์ออฟพนักงานเพิ่ม ซึ่งแม้จะประกาศเลย์ออฟพนักงานแล้ว แต่ Electrolux ก็ยังพบว่า หุ้นของบริษัทได้ปรับตัวลดลงมากถึง 14% และหากพิจารณาจากต้นปี พบว่าหุ้นของ Electrolux ปรับตัวลดลงไปแล้วถึง 35% เลยทีเดียว นี่จึงอาจเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงสำหรับแบรนด์ที่อดีตเคยเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อันดับสองของโลกก็เป็นได้ (สถิติเมื่อปี 2014 โดยเป็นรองจาก Whirlpool)
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand