เป็นเวลากว่า 39 ปีแล้ว ที่ KFC ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย จากความเชื่อของผู้พันแซนเดอร์สที่ว่าธุรกิจจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น ทุกฝ่ายในสังคมต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน KFC จึงมุ่งมั่นร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคมในหลากหลายมิติ แทนคำขอบคุณคนไทยที่สนับสนุนแบรนด์เป็นอย่างดีเสมอมา
ล่าสุด KFC ประเทศไทย ได้เปิดแผนดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนปี 2566-2568 ตั้งเป้าบรรลุพันธกิจผลักดันศักยภาพครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ผู้คน (People) โลก (Planet) และ อาหาร (Food) ทั้งนี้ในด้านการพัฒนาศักยภาพผู้คน KFC ได้ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เดินหน้าแก้ปัญหาเด็กไทยหลุดออกจากระบบการศึกษา ผ่าน KFC Bucket Search เพื่อเสาะหา และพัฒนาศักยภาพน้องๆ อย่างเต็มที่ก่อนกลับคืนสู่สังคม ให้ น้องๆ ไม่เพียงแต่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ หากแต่ยังสามารถเป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นและช่วยขับเคลื่อนสังคมต่อไป เพราะผู้พันแซนเดอร์สเชื่อว่าทุกศักยภาพมีคุณค่าเสมอ และเด็กทุกคนล้วนมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด และกำลังรอให้ “โอกาส” ได้ค้นพบ
นายเศกไชย ชูหมื่นไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด และประธานมูลนิธิเคเอฟซี กล่าวว่า “ที่ KFC เราเชื่อว่าธุรกิจที่ดีต้องมีส่วนช่วยเหลือสังคม สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนปี 2566-2568 มีความชัดเจนในการผลักดันทั้ง 3 ด้าน ทั้งการผลักดันศักยภาพผู้คนและพนักงาน ด้วยการมอบโอกาส และการจัดการด้านอาหารผ่านโครงการ Harvest & Colonel’s Kitchen ที่ช่วยลดเรื่องของอาหารส่วนเกินที่ยังอุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูงให้กับองค์กรการกุศลที่ต้องการความช่วยเหลือ และ Planet ที่จะมุ่งเน้นเรื่องของความยั่งยืนโดยเริ่มจากบรรจุภัณฑ์ในร้าน และ Green Store Concept ที่จะเริ่มต้นดำเนินการในปีหน้า ล่าสุด ในด้านของผู้คนนั้น เรามุ่งมั่นและพร้อมสานต่อในการพัฒนาศักยภาพ โดยเฉพาะเด็กไทยที่หลุดจากระบบการศึกษา โดยสิ้นปีนี้ตั้งเป้าปลดล็อกศักยภาพน้องๆ กว่า 200 คน และขยายขึ้นในทุกๆ ปี ผ่านโครงการ KFC Bucket Search ซึ่งเป็นโครงการระยะยาวตลอดปี 2566-2568 คาดว่าจะมีน้องๆ ทั้งสิ้นกว่า 3,000 คนทั่วประเทศที่จะเปลี่ยนสถานะจากเด็กนอกระบบการศึกษาสู่การเป็นเด็กนอกกรอบที่เต็มเปี่ยมด้วยศักยภาพ”
เมื่อมองไปถึงระดับประเทศ พบว่าเด็กไทยอายุ 15-23 ปี มีแนวโน้มออกจากระบบการศึกษาเพิ่มสูงขึ้นปีละเกือบ 1 แสนคน ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีเยาวชนที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา การจ้างงานหรือการฝึกอบรมพัฒนาใดๆ หรือกลุ่ม Not in Education, Employment, or Training (NEET) มากถึง 1.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 10 ของประชากรฐานภาษี ประชากรกลุ่มนี้ถือเป็นทุนมนุษย์ที่ไม่ได้ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ แม้บางส่วนจะสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงแรงงานนอกระบบ ทำงานลักษณะกึ่งฝีมือหรือไร้ฝีมือ จึงเผชิญกับความไม่มั่นคงทางรายได้และขาดการคุ้มครองทางสังคม
ปัญหาเด็กไทยหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยเฉพาะเด็กกลุ่มเปราะบาง เป็นโจทย์ที่ซับซ้อนและต้องได้รับการแก้ไข จากการทำงานกับเด็กและเยาวชนนอกระบบของ กสศ. พบว่า เมื่อออกจากระบบกลางคัน เด็กส่วนใหญ่ต้องเผชิญปัญหาสูญเสียความมั่นใจ รู้สึกว่าตนเองเป็นผู้แพ้ ถูกตีตราจากสังคม เป็นชนวนนำไปสู่ปัญหาเชิงพฤติกรรม หากปล่อยระยะเวลาให้เนิ่นนาน การช่วยเหลือเยียวยาจะยิ่งทำได้ยาก หนึ่งในภารกิจของ กสศ. ในการขับเคลื่อนสังคมเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา คือการส่งเสริมระบบการศึกษาที่มีเส้นทางรองรับเด็กและเยาวชนนอกระบบให้ก้าวต่อไปได้บนวิถีทางของตน หากแก้ปัญหาเด็กนอกระบบได้สำเร็จ ประเทศไทยจะมีมูลค่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มขึ้นสูงถึง 330,000 ล้านบาททุกปี คิดเป็นปีละประมาณ 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ของประเทศ
ศ. ดร. สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวเสริมว่า “กสศ. ขอขอบคุณ KFC ประเทศไทย ที่ร่วมทำงานขับเคลื่อนให้เด็กไทยที่มีศักยภาพได้เข้าถึงการศึกษา หรือการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ และมีโอกาสที่ดีในชีวิตต่อไป ผ่านโครงการ KFC Bucket Search ออกตามหาและพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยที่ถูกทำร่วงหล่นหายไประหว่างทาง โครงการนี้ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ส่งเสริมโอกาสในการกลับเข้าไปเรียนต่อในระบบเท่านั้น แต่รวมถึงการส่งเสริมโอกาสในการศึกษาทางเลือกตามความถนัดและความสนใจ ให้พวกเขาได้ทำในสิ่งที่พวกเขารักอีกด้วย การระดมสมอง ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมขยายผล ให้ระบบการศึกษายืดหยุ่นและตอบโจทย์ชีวิตผู้เรียน จะเป็นหนึ่งในคำตอบของการเป็นเด็กนอกกรอบที่สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ กลับคืนสู่สังคมได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศในภาพใหญ่ต่อไป เพราะปัญหาการศึกษาเป็น ‘โจทย์ร่วม’ ของทุกคน”
โครงการ KFC Bucket Search เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเคเอฟซี กับ กสศ. เพื่อส่งมอบโอกาสทางการศึกษา พัฒนาศักยภาพให้กับเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากความไม่เสมอภาคทางการศึกษาและความเหลื่อมล้ำทางสังคมในปัจจุบัน โดยเริ่มต้นจากการให้โอกาสพวกเขาได้ทำความเข้าใจตัวเองและวางแผนชีวิตผ่านการศึกษาทางเลือกที่สอดรับกับความต้องการของตน ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถดูแลตัวเองและกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมได้ในอนาคต เด็กและเยาวชนภายใต้โครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนทั้งด้านองค์ความรู้ ทักษะการดำรงชีวิตและเงินทุนตั้งต้น เติมเต็มทักษะและศักยภาพในด้านที่พวกเขาตั้งใจ โดยไม่กระทบกับชีวิตประจำวันที่บางคนต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวไปด้วย ด้วยทางเลือก Work & Study ที่ช่วยแบ่งเวลาและรายได้ และทางเลือกเงินทุนเพื่อวิชาชีพ หากน้องๆ ต้องการเป็นช่างตัดผม ช่างสัก หรือเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ก็พร้อมมอบให้ทั้งองค์ความรู้และเงินทุนตั้งต้นอีกด้วย
นายเศกไชย กล่าวปิดท้ายว่า “เราหวังว่าโครงการ KFC Bucket Search ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะเป็นแรงผลักดันให้กับเด็กไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ให้น้องๆ เหล่านี้ก้าวต่อไปและเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต เราตั้งเป้าช่วยเหลือน้องๆ ที่หลุดออกจากระบบการศึกษา โดยกลุ่มแรกจำนวน 200 คน และเพิ่มจำนวนในทุกๆ ปี ให้ครอบคลุมพื้นที่นำร่องกว่า 10 จังหวัดภายในปี 2024 นี้ ก่อนขยายผลไปทั่วประเทศภายในปี 2025 และหวังอีกว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ทุกคนหันกลับมามองอีกหลากหลายศักยภาพที่หล่นหายไปจากการถูกตัดสินเพียงแค่ภายนอก และร่วมแก้ไขปัญหานี้ด้วยกัน KFC Bucket Search คือตัวแทนความเชื่อที่เราให้กับ น้องๆ ว่าแม้ในวันที่ไม่มีใครเชื่อ เราจะยืนเคียงข้างพวกเขา เพราะที่ KFC ทุกศักยภาพมีคุณค่าเสมอ”