HomeBrand Move !!ตลาดสัตว์เลี้ยง 7 หมื่นล้านโตไม่หยุด ภมรชัยฯ จัดงาน We love Pet ปีที่ 11 รับเทรนด์ Pet Humanization สุดแรง

ตลาดสัตว์เลี้ยง 7 หมื่นล้านโตไม่หยุด ภมรชัยฯ จัดงาน We love Pet ปีที่ 11 รับเทรนด์ Pet Humanization สุดแรง

แชร์ :

We love Pet

กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสที่มาแรง สำหรับ Pet Humanization หรือเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงมองว่าตัวเองเป็น “พ่อแม่” ของสัตว์เลี้ยง หรือเป็นทาสหมา-ทาสแมว พร้อมเปย์ทั้งเงินและเวลา ดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารการกิน สุขภาพ หาของเล่น เสื้อผ้า พาไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยทุกที่ เทรนด์นี้ส่งผลให้ตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงเมืองไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ส่งผลให้มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยง (Pet Market) มีมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นอาหารสัตว์ Pet Food  มากกว่า 30% หรือราว 2.1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นตลาดพรีเมี่ยมราว 3 พันล้านบาท กลุ่ม Health & Care 30% ที่เหลือเกี่ยวกับเครื่องประดับสัตว์เลี้ยง 20% นอกจากนี้ยังส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆมีการเติบโตตามไปด้วยตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา

งาน We love Pet ครั้งที่ 11 คืออีกหนึ่งปรากฏงานสำหรับสัตว์เลี้ยงที่จะมาต่อเนื่องยาวนาน รองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเลี้ยงสัตว์ที่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคม 2566 ที่ชั้น 4 พระรามสองฮอลล์ เซ็นทรัล พระราม 2 ที่ปีนี้มาในธีมน้องกระต่ายสุดคิวท์

คุณภมรชัย อภิชาติประคัลภ์ กรรมการผู้จัดการ หจก.ภมรชัย ซัพพลาย เปิดเผยว่า  จากจุดเริ่มจากต้นเมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา ที่มีคนเลี้ยงนกน้อยอยู่เพราะมองว่าเป็นสัตว์ Exotic จึงมีแนวคิดในการจัดงาน We love Pet ที่เริ่มจากนกซึ่งเป็นกลุ่มสัตว์ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญก่อน จนต่อยอดมาถึงปัจจุบันที่งาน We love Pet ไม่ใช่แค่งานสำหรับสัตว์เลี้ยงแบบ Exotic อีกต่อไป หากแต่คือการสร้างคอมมูนิตี้ของคนรักสัตว์ทุกประเภทที่จะมารวมตัวกัน

“แรงบันดาลใจในการจัดงานช่วงแรกคือการมองเรื่องสวัสดิภาพในการเลี้ยงบวกกับองค์ความรู้ของคนเลี้ยงแบบพิเศษ Exotic ที่ยังมีไม่มากนักอย่างนก  ทำให้ต้องการจัดงานในการสื่อสารการเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์พิเศษในสมัยนั้นขึ้นมา ประกอบกับยุคนั้นมีปัญหายาเสพติดเข้ามามากในชุมชนย่านนี้ จึงอยากจะจัดงานนี้ขึ้นเพื่อให้ประชาชนเยาวชนใกล้เคียงได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ประกอบกับการเลี้ยงสัตว์หลายคนมองว่าช่วยผ่อนคลายได้ จนกลายมาเป็นการจัดงานประจำปีที่ขยายวงกว้างออกไปในสัตว์เลี้ยงแทบทุกชนิด”

 

คุณภมรชัย อภิชาติประคัลภ์

คุณภมรชัย อภิชาติประคัลภ์

 

โดยการจัดงาน We love Pet ครั้งที่ 11 นี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคม 2566 ที่ชั้น 4 พระรามสองฮอลล์ เซ็นทรัล พระราม 2  ภายในมีกิจกรรมเพ้นท์สุดฮิตให้เจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้ร่วมกันสร้าง และยังได้ภาพที่ทำเองกลับบ้าน กิจกรรมถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง ให้อาหาร ตรวจสุขภาพ ไปจนถึงโซนสัตว์ Exotic ต่างๆมากมาย โดยยังคงมุ่งเน้นเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่คนที่เลี้ยงสัตว์จริงๆ 

มีเป้าหมายเพื่อเป็นเวทีกลางเพื่อแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงสัตว์ร่วมกันในแต่ละประเภท โดยแต่ละปีการจัดงานจะเกิดขึ้นภายใต้ 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. กระแสในช่วงนั้นๆว่า มีสัตว์เลี้ยงประเภทไหนมาแรง หรือเทรนด์เป็นแบบไหน ก็จะอิงตามเทรนด์นั้นๆเข้ามาเป็นธีมหลัก  2.ประเภทของจำนวนสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง เนื่องจากสัตว์บางประเภท เช่น กระต่าย หรือสัตว์ที่เลี้ยงตามความนิยม มักจะถูกทอดทิ้งเมื่อหมดกระแส กลายเป็นภาระของสังคมหรือวัดต่างๆที่ถูกนำไปทิ้ง ตรงนี้ก็จะมีการนำมาจัดนิทรรศการ หรือกิจกรรม เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาและมีจิตสำนึกในการเลี้ยงสัตว์มากยิ่งขึ้น

 

We love Pet 11

 

โดยความพิเศษในงานปีนี้ มีการยกธีมของกระต่ายขึ้นมา เพื่อให้คนนึกถึงความสำคัญเพื่อให้คนรู้สึกถึงความรัก ความเข้าใจในตัวสัตว์จนเกิดจิตสำนึกในการเลี้ยงสัตว์แต่ละประเภท

“ปัจจุบันผู้เลี้ยงสัตว์มีความต้องการที่ลึก เลี้ยงสัตว์เพื่อตอบสนองความต้องการที่ลึกตรงตามจุดประสงจริงๆ ผ่านสินค้าที่หลากหลายร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ โดย We love Pet จะเข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคว่าต้องการอะไรภายในงาน ด้วยการนำข้อมูลที่ได้ในงานมาพัฒนานวัตกรรมอาหารเวอร์ชั่นต่างๆ ให้สอดคล้องความต้องการมากที่สุด”

 

เร่งสร้างแบรนด์ฝ่ามรสุมความท้าทายในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง

นอกจากการจัดงานดังกล่าว ภมรชัย ซัพพลายฯ ยังเดินหน้าสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์โซลูชั่นเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โดยในหนึ่งโจทย์สำคัญคือการสรรหาแนวทางการเลี้ยงสัตว์ที่ดีที่สุด ผ่านอาหารโดยมีการ Customize อาหารแต่ละชนิดแต่ละแบรนด์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของคนเลี้ยง ความต้องการให้มากที่สุด

 

We love Pet dog

 

“เรามีการเปลี่ยนอาหารและคอนเซ็ปต์ตลอดเวลา เพื่อให้ตอบโจทย์เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ที่เปลี่ยนแปลงไปภายใต้แนวคิด ความต้องการที่แท้จริง ปัญหาที่เจอจากการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เพื่อหาทางแก้ไข พร้อมส่งอินไซต์ดังกล่าวนำไปพัฒนาต่อยอดที่ประเทศเบลเยี่ยมก่อนส่งต่อให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ร่วมกันพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ในแต่ละปี” คุณภมรชัย อภิชาติประคัลภ์ กล่าว

 

สำหรับเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว เป็นผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์  เพราะมีความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงสัตว์มองถึงความคุ้มค่า คุ้มราคามากขึ้น และจะเลือกอาหาร-ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ที่คุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งการแข่งขันในตลาดสัตว์เลี้ยงนับจากนี้จะเน้นไปที่การ Educate ลูกค้าให้เข้าใจในข้อดีอขงการรับประทานอาหารที่ดี คุณสมบัติของอาหารต่างๆมากขึ้น

ดังนั้นแผนงานของภมรชัย ซัพพลายฯ นับจากนี้ภมรชัยฯ จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่หลายรายการ ทั้งอาหารสุนัข อาหารแมว อาหารสัตว์เล็ก อาหารนกประเภทต่างๆ กว่า 600-700 รายการ ซึ่งในทุกปี จะมีการอัพเกรดสินค้า 2-3 แคตธิกอรี่ต่อปี ตามเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ในแต่ละปี นอกจากอาหารบริษัทยังมีการพัฒนาอาหารเสริม ขนม และผลิตภัณฑ์ไฮยีนต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติมด้วย

โดยปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ในเครือ ทั้งสิ้น 10 แบรนด์ ได้แก่  Versele-laga, Nutribird, Pestige, Orophamra, Complete,  Nature, Crispy, Cavalor, Kaytee, Delinature แบ่งเป็น อาหารนก 30% อาหารสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ 25% ที่เหลือ เป็นอาหารสัตว์จำพวกหมา แมว ม้า สัตว์ปีกใช้พลังงาน และ อื่นๆ 45% ผ่านช่องทางการจำหน่ายต่างๆ ประกอบด้วย ช่องทางเฉพาะ (สเปเชี่ยลช้อป) ช้อปในห้างฯ โมเดิร์นเทรด และการทำช่องทางออนไลน์เป็นของตัวเองและมาร์เก็ตเพลสต่างๆ

 

We love Pet rabbit

 

อย่างไรก็ตามสำหรับความท้าทายในการทำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยุคนี้คือ จากการที่อยู่ในแวดวงนี้มา 30 ปี พบว่าอุตสาหกรรมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความท้าทายในการแข่งขันยังเป็นความท้าทายใน 2 ประการหลักคือ

1.ความท้าทายที่เกิดจากความท้าทายผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การเลี้ยงสัตว์ต้องยอมรับว่า เป็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นมา (หรือเรียกว่าของเกินในชีวิตประจำวัน) ซึ่งพฤติกรรมคนเลี้ยงอาจจะรักหรือเกลียดก็ได้ภายในวันเดียว ยกตัวอย่าง ในอดีตอยู่ดีๆวันหนึ่งมีเหตุการณ์ไข้หวัดนกอุบัติขึ้นมา “นก” จากสัตว์เลี้ยงที่คนรักก็กลายเป็นสัตว์ที่คนเกลียด ตื่นกลัวไปในทันที ทำให้เกิดความคิดจากสิ่งที่ชื่นชอบกลายเป็นสิ่งที่อยากปล่อยทิ้งทันที  ขณะที่ปัจจุบันที่กระแสความนิยมอยู่ที่ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ในการสื่อสารไปยังกลุ่มคนเลี้ยง ทำให้เทรนด์การเลี้ยงเปลี่ยนไปได้เร็วขึ้น  นั้นคือสิ่งที่บริษัทพยายามจัดงานขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้เลี้ยงมีความตระหนักถึงการเลี้ยงสัตว์แบบรับผิดชอบและสร้างแบรนด์ไปในตัว

2.จากแนวโน้มการแข่งขันที่เน้นสินค้าคุณภาพมากขึ้น ทำให้เกิดปรากฏกาณ์ Overclaim  หรือการโฆษณาสรรพคุณที่เกินจริงมากจนเกินไป ทำให้ผู้ประกอบการหลักที่เน้นโฆษณาประชาชาสัมพันธ์ตามจริงต้องกาวิธีการสื่อสารที่ตอบโจทย์และตรงความต้องการมากขึ้น

ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในส้ินปีนี้ไว้ราว 2% จากที่ผ่านมาเติบโต 7-10% เนื่องจากเลยจุดพีคของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะช่วงโควิดที่คนหันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้นทำให้ช่วง 2-3 ปีก่อนหน้าตลาดสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด 


แชร์ :

You may also like