เพราะ ‘คนคือกำลังสำคัญของชาติ’ การดูแลให้คนในชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งจะต้องเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต
การดูแลให้เด็กและเยาวชนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ เพื่อเติบโตได้อย่างแข็งแรงทั้งกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพและโภชนาการ การส่งเสริมพัฒนาการและความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งการมีพื้นที่ให้ได้แสดงออกและมอบโอกาสทางการศึกษา จะช่วยเพิ่มต้นทุนให้เด็กๆ สามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ เต็มไปด้วยองค์ความรู้ รวมทั้งช่วยลดช่องว่างและปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำต่างๆ ทางสังคมลงได้ในที่สุด
มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย โดยบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่เล็งเห็นประโยชน์และความสำคัญในการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้เด็กและเยาวชนไทย เพื่อเติบโตขึ้นเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้ประเทศชาติในอนาคต จึงได้ขับเคลื่อนการทำงานเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่องตลอด 31 ปี ผ่านรูปแบบการทำงานใน 3 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การส่งเสริมการศึกษา 2.การพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กเยาวชนและผู้พิการ รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ 3.การเข้าไปสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์
โดยเฉพาะการมอบโอกาสให้กับกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส หรือในพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงได้ยาก เพื่อช่วยลดช่องว่าง เพิ่มโอกาสพัฒนาคุณภาพชิวิตในหลากหลายมิติมาอย่างต่อเนื่อง และสามารถเติบโตขึ้นด้วยความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น การเข้าไปช่วยเหลือเด็กที่เป็นปากแหว่งเพดานโหว่ การดูแลด้านโภชนาการในโรงเรียนของเด็กๆ พื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอและเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมไปถึงการขยายโอกาสเข้าถึงการศึกษาได้อย่างครอบคลุม ทุกกลุ่ม ทุกระดับการศึกษา และในหลากหลายสาขาวิชา เพื่อทำให้เด็กๆ เหล่านี้ ที่แม้จะเริ่มต้นจากการขาดโอกาสแต่ก็สามารถได้รับการเติมเต็ม จนสามารถผลิตดอกออกผลเป็นต้นไม้ที่สวยงามได้ในที่สุด
ซึ่งในปีนี้ทางมูลนิธิฯ ได้ขยายโอกาสเพิ่มเติมไปในกลุ่มสาขาวิชาชีพ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรเฉพาะทางให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนทุนพยาบาล และทุนอาชีวศึกษา เพิ่มความสามารถในการผลิตบุคลากรด้านแรงงานฝีมือและพยาบาลวิชาชีพ พร้อมส่งเสริมการพัฒนางานด้านสาธารณสุขและภาคอุตสาหกรรม และมีส่วนร่วมผลักดันอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ให้สอดคล้องกับทิศทางประเทศในการขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรมใหม่ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศในการสร้าง New S-curve ได้ในอนาคต
เดินหน้าสานโอกาส สร้างรอยยิ้ม
สำหรับกิจกรรมมอบทุนการศึกษาในปี 2566 นี้ คุณประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย พร้อมด้วย คุณกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ คุณโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ร่วมเป็นเกียรติในพิธีมอบทุนสนับสนุนประจำปี 2566 แก่สถาบันการศึกษาและองค์กรสาธารณกุศล รวมมูลค่า 17.55 ล้านบาท
โดยได้มอบทุนการศึกษาให้เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนในพื้นที่ และมอบทุนพยาบาลวิชาชีพ ให้แก่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต พร้อมมอบทุนให้นักเรียนนักศึกษาอาชีวะผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา และได้ร่วมสนับสนุนโครงการรางวัลผลงานวิชาการ Toyota Thailand Foundation Award ร่วมกับทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนผ่านหน่วยงาน มูลนิธิ และองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้ให้การสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนและชุมชนเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมด้านสุขภาพให้เด็กวัยเรียนได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ รวมถึงการเข้าไปมีส่วนช่วยสนับสนุนงานพัฒนาด้านสาธารณูปโภค เพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป สอดคล้องกับพันธกิจสำคัญของมูลนิธิฯ ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั้งจากการมอบโอกาสในการศึกษา รวมทั้งการเติมเต็มโอกาสที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างรอบด้าน
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนตลอด 31 ปี ของมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2535 มุ่งเน้นการช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจาก นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ จากสถาบันการศึกษาในประเทศ เพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคลอันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ โดยหวังว่าการเข้าไปมีส่วนสนับสนุนดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน เหมาะสม และเท่าเทียมกัน ซึ่งช่วยยกระดับรากฐานที่แข็งแรงในการพัฒนาประเทศ ไปสู่การยกระดับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้เข้าใกล้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ต่อไปในอนาคต