TikTok เปิดอินไซต์โปรเจ็ค TikTok for OTOP หลังทำ MOU กับกรมพัฒนาชุมชน ภายใต้กระทรวงมหาดไทยไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2023 และมีผู้ประกอบการ OTOP กว่า 530 ราย และสินค้ากว่า 1,600 รายการเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยในเฟสแรก (3 เดือนหลัง MOU) พบว่าสามารถสร้างรายได้กว่า 8.5 ล้านบาท และมีเครื่องมืออย่าง “โค้ดส่งฟรี-ไลฟ์-คลิปวิดีโอสั้น” เป็นตัวกระตุ้นยอดขายคนสำคัญ
นอกจากนั้น สิ่งที่พบจากโครงการดังกล่าวคือ การมีคอนเทนต์วิดีโอรวมแล้วกว่า 495 วิดีโอเกี่ยวกับสินค้า OTOP และมียอดผู้เข้าชมกว่า 137.9 ล้านครั้ง ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
ขณะที่การจัดไลฟ์ (Live) ของ TikTok Shop ร่วมกับครีเอเตอร์ผ่านแคมเปญนี้พบว่ามีผู้เข้าชม LIVE จำนวนกว่า 200,000 คน
คุณชนิดา คล้ายพันธ์ Head of Public Policy ของ TikTok ประเทศไทยเผยว่า โครงการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SMB) ที่มีมากกว่า 120,000 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้งบประมาณ 12.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสำหรับประเทศไทย มีการใช้แฮชแท็ก #ช้อปได้ทุกถิ่น ในการประชาสัมพันธ์ และรวบรวมคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้า OTOP
ทั้งนี้ พบว่า สินค้า OTOP ที่ขายดี 3 อันดับแรกจากโครงการดังกล่าว ได้แก่ อาหาร สินค้าเพื่อสุขภาพ และสินค้าแฟชั่น เช่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และตัวโครงการมีการจัดอบรมให้ผู้ประกอบการ OTOP ให้เข้าใจและสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ของ TikTok ได้ รวมถึงการยิงโฆษณาก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน
ขณะที่คุณฤทธิชัย ปันจันตา ตัวแทนจากแบรนด์สมุนไพร สุเมธแผนโบราณระบุว่า การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลทำให้ได้พบลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ อีกทั้งการที่แพลตฟอร์มมีฟีเจอร์เช่น การ LIVE และโค้ดส่งฟรี ก็ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับโค้ดส่งฟรี ต้องยอมรับว่า ในอดีตเคยเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในการรุกตลาดไทย ซึ่งเมื่อหันกลับมาดูสถานการณ์ในปัจจุบันจะพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป เช่น อัตราค่าส่งสินค้าจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก การหันมาสนับสนุนค่าส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายย่อยนอกเหนือจากการมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ตลาดจึงอาจเป็นกลยุทธ์สำคัญของ TikTok ในการรุกคืบตลาดอีคอมเมิร์ซไทยอย่างเต็มตัวก็เป็นได้