“จิม ทอมป์สัน” ( Jim Thompson ) แบรนด์ที่มี DNA คือ “ผ้าไหมไทย” สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์อย่างชัดเจน ก่อตั้งในปี ค.ศ.1951 โดย “เจมส์ แฮร์ริสัน วิลสัน ทอมป์สัน” หรือ “จิม ทอมป์สัน” สถาปนิกและนักธุรกิจชาวอเมริกันผู้ชื่นชอบสะสมศิลปะจนโด่งดังในแวดวงสังคมไทย
ถึงแม้ว่าการหายตัวไปของเจ้าของฉายาราชาผ้าไหมไทย “คุณเจมส์ แฮร์ริสัน วิลสัน ทอมป์สัน” กว่า 54 ปีจะยังคงเป็นปริศนาและสูญหายไปตามกาลเวลา แต่อาณาจักร “จิม ทอมป์สัน” ยังคงมีผู้ที่สานงานต่อพร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
ล่าสุด “แบรนด์จิม ทอมป์สัน” ประกาศยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ของแบรนด์ สู่ก้าวใหม่ที่ใหญ่ไปอีกขั้นที่ต้อง Beyond Silk หรือเป็นมากกว่าผ้าไหม ด้วยเป้าหมายการปั้นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์ไสตล์ระดับโลกที่ครบวงจร ทั้ง แฟชั่น ร้านอาหาร และโรงแรมแบรนด์แรกในเอเชีย ที่มาพร้อมกับการเปิดตัว “Jim Thompson Heritage Quarter” แลนด์มาร์กใหม่ทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวกลางกรุงฯ
คุณแฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด แบรนด์ จิม ทอมป์สัน กล่าวถึงแผนงานดังกล่าวว่า “เราต้องการยกระดับแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์หรือเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ในระดับไอคอนิก ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ที่มีครบทั้งแฟชั่น ร้านอาหาร และของตกแต่งบ้าน ซึ่งในระดับโลกมองว่ามีเพียง 2 แบรนด์ คือ Ralph Lauren จากอเมริกา หรือ Giorgio Armani จากยุโรป เท่านั้นที่มีเอกลักษณ์ในระดับนั้น โดย “จิม ทอมป์สัน มุ่งสู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแบรนด์แรกจากเอเชีย”
หลังช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จิม ทอมป์สันได้ทยอยสลัดภาพเดิม ปรับเปลี่ยนโพซิชั่นแบรนด์ใหม่ให้มากกว่าความเป็นผ้าไหม สู่การดำเนินธุรกิจแบบ Beyond Silk กับการก้าวสู่ความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ไอคอนิกระดับโลกแบรนด์แรกของเอเชีย ที่มีองค์ประกอบทางธุรกิจทั้งร้านอาหาร แบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ ของแต่งบ้าน ไปจนถึงโรงแรมและที่อยู่อาศัยโครงการต่างๆ
เปิดตัว “Jim Thompson Heritage Quarter” โฉมใหม่แลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
ตั้งแต่การดีไซน์สินค้าให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น ผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ อาทิ Panpuri Wellness, การบินไทย เปิดตัวสินค้าพิเศษออกมา และวันนี้ “จิม ทอมป์สัน” พร้อมที่จะก้าวอีกเสต็ปเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวตามเป้าหมายในอนาคต
ที่น่าสนใจคือภายใน “Jim Thompson Heritage Quarter” โฉมใหม่เป็นที่สุดแห่งแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและร่มรื่นดั่งโอเอซิสใจกลางกรุงเทพฯ ที่ซอยเกษมสันต์ 2 ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน
นอกจากความงดงามทั้งบรรยากาศและคอนเซ็ปต์ในแบบไทยๆแล้ว ภายใน “Jim Thompson Heritage Quarter” แห่งนี้ยังมีโซนอาหารและเครื่องดื่มใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นการขยายไลน์ธุรกิจร้านอาหารของแบรนด์ในดีไซน์สุดไอคอนิก ทั้ง “ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” “The O.S.S. Bar” บาร์สุดฮิป ‘The O.S.S. Room’ ห้องชายามบ่าย “Jim’s Terrace” คาเฟ่สไตล์ไทย-ทาปาสริมระเบียงวิวบ้านไทยแสนงดงาม Silk Café คาเฟ่สวยในบรรยากาศร่มรื่น
รวมถึง Moonlight Hall ห้องจัดอีเวนต์อเนกประสงค์ที่ตกแต่งอย่างงดงาม ซึ่งการตั้งชื่อ Moonlight นั้นเป็นการตั้งชื่อตามบังกาโลหลังสุดท้ายที่ “จิม ทอมป์สัน” พักอยู่ก่อนหายตัวไปที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้ก่อตั้ง
โฉมใหม่ อีก 3 สาขา และ “New Lifestyle Store” ที่ One Bangkok ปีหน้า
ขั้นตอนต่อไปของการเติบโตในอนาคตคือ การขยายสาขา Concept Store โฉมใหม่จำหน่ายสินค้าในกลุ่มแฟชั่น อีก 3 แห่งในปีหน้า ประกอบด้วย King Power จ.ภูเก็ต, King Power สนามบินดอนเมือง และรูปแบบใหม่ New Lifestyle Store ที่โครงการ One Bangkok บนพื้นที่ 500 ตร.ม. ที่ประกอบไปด้วยส่วนของธุรกินรีเทล และคาเฟ่ โดยทั้งหมดพร้อมจะเปิดตัวในปีหน้า
และการปรับโฉม จิม ทอมป์สัน คอนเซ็ปต์สโตร์ร้านเริ่มแรกที่ถนนสุรวงษ์ หลังจากที่ถูกก่อตั้งขึ้นปี 2510 จะได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ให้เป็นนิวคอนเซ็ปท์สโตร์เป็นสาขาแรก ประกอบไปด้วย คาเฟ่ งานอาร์ต แฟชั่น โดยเตรียมเปิดตัวในปีหน้า
นอกจากการขยายสาขาในรูปแบบ Physical Store แล้วในส่วนของช่องทางออนไลน์ ก็ยังมีการขยายแผนงานอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดเว็ปไซต์ท้องถิ่นใน 3 ประเทศได้แก่ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง พร้อมการสร้างคลังสินค้าในพื้นที่เพื่อรองรับการเติบโตของการช้อปปิ้งออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย
สู่การลงทุน “โรงแรม” และ “ที่พักอาศัย” แบรนด์ จิม ทอมป์สัน
ไม่เพียงแต่การเปิดตัวสาขาโฉมใหม่เท่านั้น อีกหนึ่งไลน์ธุรกิจที่ทาง “จิม ทอมป์สัน” วางหมุดหมายไว้ก็คือการเข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงแรมและที่อยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) เบื้องต้นวางไว้ใน ส่วนของ “บูทีคโฮเทล” ซึ่งจะเป็นรูปแบบการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ที่สนใจ หรือการให้ใช้ไลเซ่นส์ของแบรนด์ให้สิทธิ์แก่ผู้สนใจ โดยจะเริ่มต้นการเปิดตัวในไทยก่อน จากนั้นจะวางแผนระยะยาวเพื่อขยายต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดโชว์รูม สินค้ากลุ่มของตกแต่งบ้านใหม่ในเอเชียและตะวันออกกลาง เพื่อสร้างการเติบโตรองรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมที่กำลังเติบโตในขณะนี้ จากปัจจุบันที่จิม ทอมป์สัน มีโชว์รูมด้านงานตกแต่งบ้านใน 5 เมือง คือ กรุงเทพฯ ปารีส ลอนดอน นิวยอร์ก และแอตแลนตา ซึ่งการขยายเข้าไปในกลุ่มประเทศแถบเอเชียครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของทางกลุ่มที่เปิดสาขาในเอเชียด้วย ขณะที่ในประเทศไทยยังได้แตกไลน์ธุรกิจใหม่ “Maison Jim Thompson” ขายสินค้าของใช้ในบ้านเข้ามาเพิ่มเติม
และส่วนสุดท้ายกับการเปิดตัว “มินิซีรีส์ ชีวประวัติจิม ทอมป์สัน” ที่จะเป็นการเผยแพร่ประวัติผู้ก่อตั้งแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเตรียมแผนงานและนำเสนอสตรีมมิ่งต่างๆ หาผู้ลงทุน โดยคาดว่าจะสามารถออกฉายได้ในปี 2568 ในรูปแบบซีรี่ส์จำนวน 10 ตอน