ส่องปรากฏการณ์ “สัปเหร่อ” และ “ธี่หยด” ปลุกกระแสหนังไทย ลุ้นโกยรายได้หลัก ‘พันล้าน’

ต้องถือว่า 2566 เป็นปีทองของหนังไทยอย่างแท้จริง ไล่เรียงตั้งแต่ต้นปี ที่ ขุนพันธ์ 3 บ้านเช่าบูชายันต์ Long Live Love ล้วนแล้วแต่เป็นภาพยนตร์ที่มีรายได้ทะลุ 100 ล้านบาททั้งสิ้น และยิ่งเมื่อช่วงไตรมาส 3 ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One ทำรายได้พลาดเป้า ทำให้จากเดิมที่สัดส่วนของภาพยนตร์ไทยมักจะสร้างรายได้ราว 30% เมื่อเทียบกับหนังฮอลลีวูด ต้องพลิกกลับ เมื่อปีนี้แนวโน้มรายได้ของภาพยนตร์ไทยมาแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สัปเหร่อ” และ “ธี่หยด” ที่เดินหน้าทุบทุกสถิติ ในรอบ 10 ปี นั่นก็น่าจะทำให้ปีนี้หนังไทยกลายเป็นโปรดักท์ที่สร้างรายได้ให้กับโรงภพายนตร์เป็นกอบเป็นกำ

“สัปเหร่อ” ฉายรอบตีสองก็ยังเต็ม

คุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงปรากฏการณ์ของหนังเรื่องสัปเหร่อว่า

“หนังเรื่องสัปเหร่อ ถือว่าเป็นปรากฏการณ์อย่างแท้จริง หนังเรื่องนี้เข้าวันแรกวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ปกติหนังเรื่องอื่นวีคแรกจะมีผู้ชมมากที่สุด แล้วสัปดาห์ที่ 2 ก็จะลดลงมา แต่หนังเรื่องนี้ วีคที่ 2-3 กลับมีคนดูเพิ่มขึ้น ตอนนี้เราต้องเพิ่มโรงภาพยนตร์สำหรับฉาย เรามีทั้งหมด 391 โรง เป็นหนังเรื่องนี้ 80-90% แล้ว ที่มหาสารคาม ฉายเรื่องนี้ 100% เลย เปิดมาเท่าไหร่ก็เต็ม ทางศูนย์การค้าก็ให้ความร่วมมือเราดี เราฉายรอบตีสองก็ยังเต็ม และหนังเรื่องนี้ยังมีความแปลกอีกอย่างคือ ในช่วงแรกจะฉายเฉพาะในโรงภาพยนตร์ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ต่อมากระแสแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่โรงในกรุงเทพฯ ชั้นใน ภาคเหนือ ภาคกลาง แม้แต่ภาคใต้ก็ต้องเอาเข้าโรง ยิ่งฉายยิ่งแรง และเราเองในฐานะโรงหนัง เราจะยินดีที่ทำทุกทางเพื่อสนับสนุนหนังไทย และผมเชื่อว่าถ้ากระแสยังเป็นอย่างนี้ต่อไป อาจจะถึง 1,000 ล้านบาท และถ้ายังเป็นยังงี้ต่อไปอีก 3 อาทิตย์ก็ได้แล้ว แล้วถ้าเกิดว่าเรื่องนี้ได้พันล้านบาท มันจะกลายเป็นขวัญกำลังใจให้กับเขา และอุตสาหกรรมหนังไทยทั้งหมด แล้วก็ทำให้คนไทยกลับมาดูหนังไทยมากขึ้น”

คุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

มีฐานแฟน – ครบทุกรส หัวใจความสำเร็จ

เมื่อถามถึงหัวใจที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อ กลายเป็นหนังที่มาแรงเหนือเกินความคาดหมาย คุณสุวิทย์มองว่า เป็นเพราะมีแฟนคลับที่ติดตามมาจากภาคก่อนหน้าอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเนื้อหาของหนังก็ครบรส มีทั้งความฮา แง่คิด เข้ากับวัฒนธรรมความเป็นอยู่

“ต้องบอกว่า จักรวาลไทบ้าน เดอะซีรี่ส์ ทำให้เขามี Fan Based อยู่แล้ว ทำให้เราคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็น่าจะดี สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบทของเขาที่ต้องการขายวัฒนธรรมอีสาน แต่เขาก็สอดแทรกเสน่ห์ความตลกเข้าไป ขณะที่เขาก็มีแง่คิดด้วย มันเล่าเรื่องของคนที่ยังยึดติดกับแฟนเก่า แต่กลายเป็นว่าทุกคนที่เข้าไปดูก็เข้าใจ เรียกได้ว่าเป็น Combination ที่ครบรส มันเป็น Soft Power ที่ดีจริงๆ ผมก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะได้ไปฉายที่ต่างประเทศ ในงาน Film Festival ต่างๆ ”

“ธี่หยด” ก็แรง จนกลาย Happy Problem ของโรงภาพยนตร์

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์ไทยเข้าโรงภาพยนตร์มาอีก 2 เรื่อง นั่นคือ “ธี่หยด” และ “เพื่อน(ไม่)สนิท” ที่ทำให้เจ้าของโรงภาพยนตร์ต้องปวดหัวกับการบริหารจัดการและคาดการณ์ความต้องการของผู้ชม แต่ทางฝั่งของ SF ระบุว่าเรื่องนี้เป็น Happy Problem ที่โรงภาพยนตร์จะต้อง Utilize จัดสรรพื้นที่โรงภาพยนตร์และรอบฉายให้เหมาะสม เพราะคนน่าจะพีคมากทั่วประเทศ

สำหรับผลประกอบการของ บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในปีนี้คาดการณ์ว่า จะฟื้นกลับมาถึง 3-4 พันล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นผลมาจากความแรงของหนังไทย รวมทั้งเดือนพฤศจิกายนจะมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ภาคต่ออย่าง The Marvels และ The Hunger Games : The Ballad of Songbirds & Snakes เข้าโรง นอกเหนือจากรายได้ในปีนี้แล้ว “ปรากฏการณ์สัปเหร่อ” น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมให้คนกลับเข้ามาดูหนังในโรงภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น