มีการสำรวจในสหรัฐอเมริกา พบประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานแบบ Work from home ว่าเพราะเหตุใดรูปแบบการทำงานดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปได้ในโลกทุกวันนี้ ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ชาว Millennials คือผู้ขับเคลื่อนคนสำคัญ ส่วน Gen Z กับ Baby Boomers นั้นตรงกันข้าม เพราะอยากกลับเข้าออฟฟิศจะแย่แล้ว
การวิจัยนี้พบว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ชาว Millennials ยังอยากทำงานแบบ Work from home แม้การระบาดครั้งใหญ่จะจบลงแล้ว เป็นเพราะพวกเขามีลูกเล็ก และส่วนใหญ่ก็มีบ้านหลังโตให้ต้องดูแล (ซึ่งในช่วงเวลาที่ชาว Millennials ทำงานจากระยะไกล เป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยการกู้ซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกาอยู่ในระดับที่ดึงดูดใจให้อเมริกันชนสนใจอยากซื้อบ้านใหม่กันมากขึ้นนั่นเอง) แต่ถ้าเป็นชาว Gen Z พวกเขาอาจจะอาศัยในอพาร์ทเมนต์ขนาดเล็ก หรืออาจเป็นห้องที่ต้องแชร์กับคนอื่น จึงทำให้รู้สึกไม่สะดวกใจนักกับการทำงานที่บ้าน ในห้องแคบ ๆ และมีแค่หน้าจอสี่เหลี่ยม
อย่างไรก็ดี การวิจัยนี้ชี้ว่า โลกการทำงานสามารถก้าวข้ามภาวะวิกฤติ COVID-19 มาได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะได้ชาว Millennials ที่ปรับตัวกับการทำงานแนวใหม่ได้อย่างรวดเร็วคอยช่วยเอาไว้ แต่เมื่อการระบาดผ่านพ้นไป บางทีนี่อาจถึงเวลาต้องยอมรับความจริงว่า ในองค์กรยังมีคนอีกหลายเจเนอเรชั่นที่ต้องให้ความสำคัญ เช่น Gen Z ที่โดดเดี่ยวมาตลอดกับการเรียนออนไลน์ และเมื่อเข้าทำงานในออฟฟิศก็พบว่า มันได้เปลี่ยนเป็นแบบ Work from home ทำให้พวกเขาไม่ได้รับการดูแลจากหัวหน้างานอย่างเหมาะสม หรือชาว Baby Boomers ที่คุ้นเคยกับการทำงานแบบออฟไลน์มาตลอดหลายสิบปี อีกทั้งลูกหลานก็โตหมดแล้ว และอยากกลับเข้าออฟฟิศเพื่อพบปะกับเพื่อนร่วมงานอีกครั้ง
การสำรวจชิ้นนี้ชี้ด้วยว่า 59% ของพนักงานชาวสหรัฐอเมริกันกลับไปทำงานในออฟฟิศตามปกติแล้ว และยังเหลือพนักงานที่ไม่ได้เข้าออฟฟิศตามปกติราว 33% โดยคนเหล่านี้เป็นพนักงานสัญญาจ้างหรือไม่ก็เป็น Gig Workers ขณะที่ การทำงานแบบ Hybrid มักเกิดขึ้นกับองค์กรที่มีพนักงานระหว่าง 500 – 4,999 คน ส่วนองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 5,000 คนขึ้นไปนั้น มักมีงานประเภทที่สามารถทำได้แบบ Work From Home และพบเห็นได้จนเป็นเรื่องปกติ