ตึกเอ็มไพร์ บนถนนสาทร มูลค่า 20,000 ล้านบาท หนึ่งในธุรกิจอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ของ AWC ได้ปรับโฉมใหม่อีกครั้ง ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ใช้จุดแข็งเครือข่ายโรงแรมใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ดึงพาร์ทเนอร์ร้านอาหารดังมาเปิดให้บริการ สร้างจุดแตกต่างที่เป็นเอกลัษณ์ ด้วยการรวมประสบการณ์ “บ้าน-โรงแรม-อาคารสำนักงาน” ไว้ด้วยกันนับเป็นแห่งแรกในโลก
บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป หรือ AWC ได้พัฒนาพื้นที่อาคารสำนักงานใหม่ในรูปแบบ “ไลฟ์สไตล์ออฟฟิศ” ซึ่งมาจากการวิจัยอาคารสำนักงานต่างๆ รวมทั้งความต้องการของผู้เช่าพื้นที่ หลังจากผ่านสถานการณ์โควิด คนทำงานมีความคุ้นเคยกับ Work from home , Work from anywhere จึงต้องการประสบการณ์การทำงานเหมือนใช้ชีวิตพักผ่อนอยู่บ้าน และเซอร์วิสต่างๆ ที่สะดวก
การปรับโฉมตึกเอ็มไพร์ใหม่จึงเป็นคอนเซ็ปต์ Co-Living Collective ใช้ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ปรับพื้นที่เป็น “ไลฟ์สไตล์ออฟฟิศ” รวมพื้นที่กว่า 39,000 ตร.ม. รองรับเทรนด์การทำงานในอนาคตสำหรับบริษัทชั้นนำ เพื่อใช้ดูแลและดึงดูดพนักงาน โดยปรับพื้นที่ดังนี้
ชั้น 10-11 Food Lounge ที่มีพื้นที่เอาท์ดอร์ และห้องประชุม
ชั้น 52 เตรียมพัฒนาเป็นพื้นที่ Wellness
ชั้น 53 The Empire Residence รูปแบบ Co-Living Space รวม 24 โซน
ชั้น 55 EA Gallery แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ร้านอาหารและคาเฟ่ ชมวิวกรุงเทพฯ คุ้งน้ำบางกระเจ้า ทยอยเปิดร้านคาเฟ่และร้านอาหารตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เช่น % ARABICA สาขาที่สูงที่สุดในโลก และจะเปิดเต็มรูปแบบในไตรมาสแรกปี 2567
ชั้น 56 EA CHEF’S TABLE ห้องอาหารไทยบนรูฟทอปแห่งแรกและห้องอาหารจีนที่อยู่สูงที่สุดในไทย สร้างสรรค์เมนูโดยเชฟมิชลินสตาร์ (เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร และเชฟวิคกี้ เชง)
ชั้น 57-58 Nobu Bangkok
ชั้น 60 Nobu Bangkok Rooftop Bar ห้องอาหารและบาร์ภายใต้แบรนด์ Nobu ที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงยังเป็นห้องอาหาร Nobu แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย
เผยโฉม Co-Living 24 โซน เตรียมเปิดบริการ 24 ชั่วโมง
ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้เริ่มเปิดใช้พื้นที่ใหม่ของตึกเอ็มไพร์ หนึ่งในไฮไลต์คือ ชั้น 53 ที่เป็นคอนเซ็ปต์ The Empire Residence ด้วยพื้นที่แบบ Co-Living กว่า 1,500 ตร.ม. รวม 24 โซน 4 รูปแบบการใช้งาน
1. Live – Ploen Room พื้นที่เอนกประสงค์รองรับกิจกรรมต่างๆ ทั้งการแสดงสินค้า โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก และห้องซ้อมเต้น รวมถึง Eatery Bar พื้นที่รับประทานอาหารพร้อมห้องครัวส่วนกลาง Drink Bar หลังเลิกงาน และ Live Lounge พื้นที่เลานจ์สังสรรค์บรรยากาศห้องนั่งเล่น
2. Play – Karaoke Room ห้องคาราโอเกะ รวมถึง Game Room เครื่องเล่นวิดีโอเกม Kids’ Room สำหรับเด็กๆ ที่ผู้ปกครองสามารถให้ลูกๆ มาพักผ่อนนั่งรอหลังเลิกเรียน Own Time ห้องโยคะและฝึกสมาธิ และ Pets’ Room & Pets’ Bedroom สำหรับสัตว์เลี้ยง
3. Share – Mini Gym พื้นที่ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอด้วยลู่วิ่งแบบอินเตอร์แอคทีฟเพื่อคนรักสุขภาพ รวมถึง Nap Lounge เลานจ์สำหรับการพักผ่อน และ Gents’ Room & Girls’ Room ห้องล็อคเกอร์สำหรับชาย หญิง ห้องอาบน้ำด้วยเทคโนโลยีวารีบำบัด รวมถึงห้องซาวน่าและห้องสตีมหรืออบไอน้ำ
4. Work – Sook Room, Sanook Room, Saran Room & Mini Zone ห้องประชุมหลากหลายขนาดตั้งแต่ห้องส่วนตัวขนาดเล็กไปจนถึงห้องประชุมขนาดใหญ่ รองรับการจองห้องประชุมล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน “Pikul” รวมถึงพื้นที่ Team Zone พื้นที่การทำงานแบบยืดหยุ่นและการจัดสัมมนา และ Peace Lounge พื้นที่ทำงานเงียบสงบ
พื้นที่ชั้น 53 ได้เริ่มเปิดใช้งานแล้วบางโซน ช่วงแรกเปิดบริการ 6.00-20.00 น. คาดว่าจะเปิดครบทั้ง 24 โซน ในไตรมาส 1 ปี 2567 หลังจากนั้นชั้นนี้จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยเป็นพื้นที่ให้ผู้เช่าพื้นที่ตึกเอ็มไพร์ใช้บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รวมทั้งเปิดให้แขกของผู้เช่าและครอบครัวใช้บริการด้วย
คุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC กล่าวว่า ไลฟ์สไตล์ออฟฟิศ เป็นการรวมประสบการณ์บ้าน-โรงแรม-อาคารสำนักงาน ไว้ด้วยกันเป็นรูปแบบ Co-Living Collective: Empower Future ในการใช้ชีวิตและการทำงาน และเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ประเทศไทยตอบโจทย์ Workplace Destination ระดับโลก เพื่อเป็นตัวเลือกให้บริษัทชั้นนำเลือกไทยเป็นสำนักงาน
การปรับโฉมตึกเอ็มไพร์ จะมีทั้งส่วนที่ให้บริการฟรีกับผู้เช่าพื้นที่อย่างชั้น 53 The Empire Residence ที่เริ่มเปิดบริการแล้ว ชั้น 10-11 Food Lounge ที่มีพื้นที่เอาท์ดอร์ และห้องประชุม เปิดไตรมาส 3 ปี 2567 ชั้น 52 เตรียมพัฒนาเป็นพื้นที่ Wellness เปิดไตรมาส 4 ปี 2567
นอกจากนี้ยังมีบริการที่เปิดให้ผู้เช่าและคนทั่วไปใช้บริการ ในส่วนของบริการร้านอาหารและเครื่องดื่ม ตั้งแต่ชั้น 55-60 ที่จะเปิดในช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 รวมทั้งได้ปรับ “ล็อบบี้เลานจ์” ชั้น G ตึกเอ็มไพร์ เปิดร้าน Cafe Pittore ที่ให้บริการระดับโรงแรมหรู เปิดบริการอาหารและเครื่องดื่มถึงเที่ยงคืน และเปิดพื้นที่นั่งพักและพบปะกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ตึกเอ็มไพร์มีพื้นที่รวม 300,000 ตร.ม. เป็นพื้นที่เช่า 185,000 ตร.ม. ถือเป็นขนาดใหญ่ จึงมีพื้นที่ที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นพื้นที่เซอร์วิสใหม่ๆ ให้บริการกับผู้เช่าได้ รูปแบบ Co-Living Collective ในอาคารสำนักงาน ถือเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างเป็นแบรนด์ DNA โปรดักท์ของ AWC ที่เป็นจุดแข็งดึงผู้เช่าเข้ามาเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยผู้เช่าเดิมอัตราเช่าพื้นที่อยู่ที่ 800 บาทต่อ ตร.ม. ส่วนผู้เช่าใหม่อยู่ที่ 1,000 บาทต่อ ตร.ม.
ปัจจุบัน AWC เป็นบริษัทที่มีพื้นที่อาคารสำนักงานใหญ่สุดในขณะนี้ (ก่อน One Bangkok เปิดตัว) จำนวน 4 ตึก พื้นที่เช่ารวม 270,000 ตร.ม. การปรับพื้นที่อาคารสำนักงานรูปแบบ “ไลฟ์สไตล์ออฟฟิศ” เริ่มที่ตึกเอ็มไพร์ จากนั้นจะทยอยปรับอาคารสำนักงานอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เช่น อาคารแอทธินี จะเพิ่มล็อบบี้เลานจ์ อาคารอินเตอร์ลิงค์ บางนา และอาคาร 208 วิทยุ จะเพิ่มพื้นที่ Food Lounge
รูปแบบไลฟ์สไตล์ออฟฟิศ ถือเป็นอีกจุดหมายช่วยผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในด้านการเข้ามาทำธุรกิจ เป็นอีกการเชื่อมจุดขายท่องเที่ยวประเทศไทย เพื่อสร้างให้ประเทศไทยเป็น Workplace Destination ดึงองค์กรชั้นนำระดับโลกและบริษัทต่างๆ เข้ามาในประเทศไทย
อ่านเพิ่มเติม