แม้ปี 2023 จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับหลาย ๆ ธุรกิจ แต่สำหรับผู้ให้บริการ MarTech อย่าง Egg Digital ต้องบอกว่า พวกเขาสามารถสร้างรายได้ที่ไม่ธรรมดา โดยทางบริษัทเปิดเผยว่ามีรายได้ทะลุ 2 พันล้านบาทไปแล้วเรียบร้อย และในตัวเลขดังกล่าว ยังพบว่าเป็นการเติบโตมากถึง 30% ภายในเวลาแค่ 10 เดือนอีกด้วย
เปลี่ยน Data เป็น Actionable Intelligence
สิ่งที่ Egg Digital ทำในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา ได้รับการบอกเล่าจาก ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด ว่ามาจากการเปลี่ยน Data ให้เป็น Actionable Intelligence และนำสิ่งนั้นไปช่วยพาร์ทเนอร์เพิ่มยอดขาย
“เราให้บริการอินไซต์ผ่าน Data แต่อาจกล่าวได้ว่า มันคือ Dynamic Data เพราะมันเปลี่ยนบ่อย และต้องมีความ Real Time สูง เพราะฉะนั้น สิ่งที่ Egg Digital ให้ความสำคัญคือการนำ Dynamic Data เหล่านั้นไป Execute ด้วย AI เราต้องทรานสฟอร์ม Data ให้เป็น Actionable Insight และต้องเรียนว่า เรามาถึงยุค Actionable Intelligence นั่นคือ เราพยายามเปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นความเฉลียวฉลาด ซึ่งในที่สุดจะนำไปสู่
- กลยุทธ์ที่สามารถดำเนินการได้
- การหาวิธีช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราสร้างการเติบโตได้
- การลดความเสี่ยงให้กับพาร์ทเนอร์
ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด
ทั้งนี้ การทำงานของ Actionable Intelligence ที่ Egg Digital อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ 3 หน่วยธุรกิจ ได้แก่
- ธุรกิจ Business Data Analytics & Development
- ธุรกิจ Insight-Led Omnichannel Media
- ธุรกิจ Platform & Media Solutions
Actionable Intelligence ทำงานอย่างไร
ด้านคุณวรภัทร งามเจตวรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Business Analytics & Development บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวถึงการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยลูกค้าใน 5 อุตสาหกรรมที่บริษัทให้ความสำคัญ ซึ่งได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสื่อ การเงิน ประกันฯ และยานยนต์ โดยจำแนกเป็นรายธุรกิจได้ดังนี้
- ธุรกิจค้าปลีก : มีการใช้ AI ช่วยแนะนำการตั้งราคาสินค้าให้กับคู่ค้า ตลอดจนการทำโปรโมชัน ทั้งในไทยและห้างโลตัสในมาเลเซีย
- ธุรกิจสื่อ : มีการใช้ AI ช่วยวิเคราะห์และทำความเข้าใจลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ซึ่งทำให้การนำเสนอสื่อต่าง ๆ ทำได้ตรงใจผู้รับชมมากขึ้น
- การเงิน : ใช้ AI ช่วยพาร์ทเนอร์นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมถึงเพิ่มรายได้ให้กับสถาบันการเงินต่าง ๆ เช่น นำเสนอการลงทุนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแทนที่จะให้เขาเป็นลูกค้าบัตรเครดิตแต่เพียงอย่างเดียว หรือการช่วยทำ Credit Scoring
- ประกัน : มีการทำ Data Analytic เพื่อช่วยธุรกิจประกันในการหาลูกค้ารายใหม่ ตลอดจนการนำข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT เช่น สมาร์ทวอทช์ มาใช้คำนวณค่าเบี้ยประกัน เป็นต้น
- ยานยนต์ : มีการทำ Demand forecasting เพื่อช่วยบริษัทผู้ผลิตคาดการณ์ว่า ในแต่ละพื้นที่มีความต้องการรถยนต์รุ่นใด สีใดมากเป็นพิเศษ ทำให้บริษัทดีลเลอร์สามารถทำตลาดได้ดีขึ้น
คุณวรภัทร งามเจตวรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Business Analytics & Development บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด
“ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจ Business Analytics & Development สามารถสร้างการเติบโตได้เกินเป้า โดยเรามีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 20 แบรนด์ และเราคาดการณ์ว่า ความต้องการบริการด้านการวิเคราะห์ดาต้าเชิงลึกจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ เริ่มเห็นถึงข้อได้เปรียบของการใช้ดาต้าเชิงลึกมาเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจ”
รุกตลาดภูมิภาค – มาเลเซีย
สิ่งที่ Egg Digital ทำจึงเป็นการเร่งสร้าง Use Cases ที่ตรงจุดและเฉพาะเจาะจงในแต่ละอุตสาหกรรม รวมถึงการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ โดยปีหน้าจะเริ่มรุกกลุ่มธุรกิจในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสานเป็นตลาดแรก เนื่องจากธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงของประเทศทั้งเชิงยุทธศาสตร์ศักยภาพการเติบโต และสัดส่วนจำนวนประชากร รวมถึงต่อยอดธุรกิจในมาเลเซียให้สอดคล้องกับสภาพตลาดแนวโน้มในประเทศ รวมถึงโมเดลทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะสามารถเป็นรากฐานในการขยายบริการไปยังประเทศอื่น ๆ ตามแผนต่อไป
2024 เมื่อลูกค้าเปลี่ยนสู่ O2O2O
คุณชัชพล องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Insights-led Omnichannel Media บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด
นอกจากการใช้ AI สิ่งที่นักการตลาดตระหนักได้ดีในช่วงเวลานี้ก็คือ ลูกค้าได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งคุณชัชพล องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Insights-led Omnichannel Media บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ว่า “คนได้เปลี่ยนจากการทำงานออนไลน์ กลับมาสู่สถานะที่ใกล้เคียงกับยุคก่อน Covid แต่พวกเขาเปลี่ยนไปเป็น OmniChannel Customer หมายความว่า เขาเสิร์ชหาข้อมูลสินค้าผ่านออนไลน์ ออกไปซื้อสินค้าจากสโตร์”
“นอกจากนั้น เราพบว่าลูกค้าให้ความสำคัญกับสุขภาพ-สังคมสูงวัย มากขึ้น ปีนี้เราจึงทำการกระตุ้นตลาดด้วยการเปิดตัวบริการใหม่ทุกไตรมาส โดยมีไฮไลต์สำคัญ คือ บริการสื่อนอกบ้าน หรือ Shoppers’ Digital Screen และเน้นนำเสนอบริการสื่อโฆษณาแบบ O2O2O (Online to Out-of-Home to On-Shelf) โดยเอ้ก ดิจิทัล เป็นรายแรกในเอเชียแปซิฟิกที่ใช้บิ๊กดาต้า, AI, ML และ Intelligent O2O2O Media Solution มาผสานการทำงานร่วมกัน เพื่อเปลี่ยนบิ๊กดาต้าเป็นข้อมูลเชิงลึก”
ด้วยแนวทางดังกล่าว คุณชัชพลเผยว่า บริษัทสามารถเพิ่มปริมาณการใช้สื่อและมีลูกค้าใหม่ถึง 37 แบรนด์ (จากเดิมที่มีฐานลูกค้ากว่า 200 แบรนด์)
สื่อโฆษณา 2024 ต้องสร้างการมีส่วนร่วม
สำหรับแนวโน้มตลาดในปี 2024 ความท้าทายในการใช้สื่อโฆษณาคือต้องสามารถสร้างการตอบสนองต่อโฆษณาและการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ไปพร้อมกัน เพื่อช่วยเจ้าของแบรนด์ปิดการขาย ณ จุดขายได้ ในจุดนี้ คุณชัชพลระบุว่า การเชื่อมระหว่างสื่อ Personalized Online กับสื่อ On-Shelf และกิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่สาขาจะเข้ามามีบทบาทและกระตุ้นการขายได้อย่างเป็นรูปธรรม
เปิดตลาดใหม่ “สุขภาพ-แฟชั่น-ท่องเที่ยว-พลังงาน”
คุณรัฐธีร์ เจริญรัตน์วรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Platform & Media Solutions บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด
คุณรัฐธีร์ เจริญรัตน์วรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Platform & Media Solutions บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้เรารุกเจาะตลาดอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ อุตสาหกรรมการแพทย์และสถานเสริมสวยความงาม, Residential SME, พลังงาน, แฟชั่น, การท่องเที่ยว และหน่วยงานภาครัฐ โดยคว้าลูกค้าใหม่มาได้กว่า 100 แบรนด์ ซึ่ง 3 บริการที่ได้รับความไว้วางใจจากคู่ค้า คือ
- LINE Media & Solutions Partner (CRM & BI platform)
- Creative, Content & Media Solutions
- Mobile Marketing & Analytics SMS
“เนื่องจากผู้บริโภคในยุคดิจิทัลใช้เวลาบนโซเชียลมีเดียเพิ่มมากขึ้น และมีการใช้หลากหลายแพลตฟอร์ม ดังนั้นในปีหน้าเราจะมุ่งขยายบริการใหม่ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่มีไลฟ์สไตล์อยู่บนโลกโซเชียลมีเดียได้มากขึ้น รวมถึงใช้ดาต้า, AI และ ML ในการสร้างกิจกรรมสื่อสารการตลาดแบบ Hyper Personalized Marketing เพื่อช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัลจะเห็นว่า ทุกองค์กรต่างมุ่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะ 5 ด้านสำคัญอย่าง ด้านดิจิทัลและนวัตกรรม ด้านการบริหารบุคลากรและองค์กร ด้านการปฏิบัติการ ด้านการวางกลยุทธ์ และการเงินองค์กร รวมถึงด้านความยั่งยืน ซึ่งการมี AI และ Supervised Machine Learning เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมนำมาปรับใช้เพื่อยกระดับองค์กรสู่ดิจิทัล บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าเราจะช่วยสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ลดอัตราการสูญเสียลูกค้า และสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจของลูกค้าได้ไม่ต่ำกว่า 10% ” ดร. ธีรเดช กล่าวทิ้งท้าย