HomeSponsoredไขความลับ 130 ปี “เนสท์เล่” กลยุทธ์สร้างความผูกพันในใจผู้บริโภคไทย และ ก้าวต่อไปเพื่อโลกที่ยั่งยืน

ไขความลับ 130 ปี “เนสท์เล่” กลยุทธ์สร้างความผูกพันในใจผู้บริโภคไทย และ ก้าวต่อไปเพื่อโลกที่ยั่งยืน

แชร์ :

เนสท์เล่ (Nestléยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ดำเนินธุรกิจในเมืองไทยมากว่า 130 ปี นับจากวันแรกที่ในปี พ.ศ. 2436 กับผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน “แหม่มทูนหัว” บนนิตยสารบางกอกไทมส์ จวบจนปัจจุบันมีสินค้าในหลากหลายธุรกิจครอบคลุมกว่า 30 แบรนด์ โดยมีแบรนด์ที่รู้จักกันดี อาทิ เนสกาแฟ, เนสเปรสโซ, แม็กกี้ ตลอดจนแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบในท้องถิ่นอย่าง ตราหมี หรือมิเนเร่ จนก้าวเข้าสู่หนึ่งในผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเมืองไทยอย่างครบวงจร

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ไม่เพียงแต่ในแง่ธุรกิจหากแต่เส้นทางกว่าศตวรรษที่ผ่านมา “เนสท์เล่” ยังมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าให้กับสังคมไทยตามหลักการ ESG สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อมอบสิ่งดีๆตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการเพื่อสังคมต่างๆออกมาแล้วมากมาย อาทิ เนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง  โรดโชว์ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 15 ปี, โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี และจัดการแข่งขันตอบปัญหา “FoSTAT – Nestlé Quiz Bowl” มาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี, โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 กับโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำในจังหวัดอยุธยา ไปจนถึงโครงการตลาดนัดขยะชุมชน เพื่อส่งเสริมการแยกขยะและลดขยะในแหล่งน้ำ เป็นต้น

ทั้งหมดมีเพื่อขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ ภายใต้ปรัชญา Good food, Good life ในการสร้างความยั่งยืน ไปจนถึงการสามารถปกป้อง ทดแทน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ไปสู่ก้าวใหม่ที่จะส่งต่อสิ่งดีๆไปยังผู้คนรอบด้าน สังคม และชุมชนต่อไป ตามแผนงาน Net Zero 2050 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเหลือศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050

เส้นทาง 130 ปี ความสำเร็จบนความผูกพันในสังคมไทย ที่ส่งต่อสิ่งดีๆ มายาวนาน

ความสำเร็จทั้งหมดของ “เนสท์เล่” ถูกถ่ายทอดผ่านเจตนารมณ์ที่จะ “เปิดพลังแห่งอาหาร เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้ และในอนาคต” โดยให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างลึกซึ้ง ผ่านการทำวิจัยและเก็บข้อมูลต่าง ๆ ก้าวตามเทรนด์และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคทุกช่วงวัย

ขณะเดียวกันยังอาศัยความได้เปรียบจากการเป็น International Company ที่มี Research and Development Centers ถึง 23 แห่ง และ Product Technology Center 10 แห่งทั่วโลก ที่เข้ามาช่วยเจาะลึกลงไปยัง Insight ของผู้บริโภคและให้ข้อมูลสนับสนุนด้านโภชนาการ จนสามารถนำมาผลิตเป็นสินค้าที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ จนทำให้พูดได้ว่าผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่มีอยู่ในแทบจะทุกครัวเรือนของไทย

นอกจากนี้ยังได้มีส่วนในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย โดยได้มีการลงทุนกว่า 13,600 ล้านบาทเพื่อเปิดโรงงานใหม่ในไทยสองแห่งในระหว่างปี ค.ศ. 2018-2022 จนปัจจุบันมีโรงงาน 8 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้า 4 แห่ง จนเกิดการจ้างงานไปแล้วกว่า 3,000 คน และยังได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยหลายชนิดไปนานาประเทศ

คุณวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา130 ปี เนสท์เล่ประเทศไทยยึดมั่นในปรัชญา “Good food, Good Life” มาโดยตลอด เราจึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่อร่อยและดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคควบคู่กับการส่งเสริมความรู้ด้านโภชนาการและสนับสนุนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอยู่เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยทั่วประเทศ เนสท์เล่ได้จัดกิจกรรมเนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรงมาต่อเนื่อง 15 ปี เพื่อให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ผู้บริโภคชาวไทยที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งเป็นการร่วมสร้างสังคมที่ดีในอนาคต”

ทั้งหมดสะท้อนจุดยืนของ “เนสท์เล่” ที่มุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้ปรัชญา Good food, Good life อาหารที่ดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสังคมไทย ภายใต้กลยุทธ์หลัก 2 ประการ ได้แก่

1. การขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) เป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่อร่อยขึ้นและดีต่อสุขภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการลดน้ำตาล โซเดียม และไขมันในผลิตภัณฑ์ แต่ยังคงรสชาติอร่อยไว้เหมือนเดิมไปจนถึงการให้ความรู้ความเข้าใจด้านการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมและการดูแลสุขภาพแก่ผู้บริโภคไทย

2. การขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์และการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืนและสามารถปกป้อง ทดแทน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมาย Net Zero 2050 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในสังคมเพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านนี้ให้สำเร็จต่อไป

“Nestlé Healthy Family Fair”  ยกทัพกิจกรรมสุขภาพให้คนกรุงปิกนิกบาร์บีคิวในสวนกลางเมือง ร่วมส่งต่อสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค-เพื่อโลกของเรา

ทั้งนี้เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 130 ปีในไทย “เนสท์เล่” ยังคงสานต่อกิจกรรมดีๆเพื่อสังคมออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับการจัดงาน Nestlé Healthy Family Fair ในครั้งนี้เพื่อช่วยเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพรวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยมีไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดี ผ่านเกม การแสดง ขบวนพาเหรดสุดคึกคัก และการพูดคุยชวนทำเมนูสุขภาพ พร้อมอาหารและเครื่องดื่มที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ  โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน

ภายในงานถูกจัดขึ้นในคอนเซ็ปต์ปิกนิกบาร์บีคิวในบรรยากาศสวนกลางกรุง ณ อุทยาน 100 ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  กับกิจกรรมมากมาย อาทิ ชิลล์ กับบรรยากาศปิกนิกบาร์บีคิวสุขภาพในสวน พร้อมการสาธิตการทำอาหารสุขภาพ ตามแนวคิด Good for You และ Good for the Planet และยังตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่ต้องการเมนูที่ทำได้ง่ายและมีประโยชน์ โดย เชฟนิค ณัฏฐพล ภวไพบูลย์ จากร้านอาหารวังหิ่งห้อย ระดับมิชลินสตาร์ และรับฟังมุมมองการดูแลสุขภาพสุดคิ้วต์ของ ซี-พฤกษ์ พาณิช และ นุนิว- ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์ ชม ขบวนพาเหรด Good food, Good life สุดตระการตา และแฟลชม็อบแดนซ์สุดคึกคัก ชิม อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพจากร้านดัง รวมไปถึง “เนสท์เล่คาเฟ่” ที่มาพร้อมกับเมนูเครื่องดื่มสุขภาพสุดพิเศษ เช่น เนสวีต้าแอปเปิ้ลปั่น นมหมีน้ำผึ้งปั่น และช้อปผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ที่ได้รับสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพในราคาสุดพิเศษ

นอกจากนี้ ยังมีเกมและกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในโซนต่าง ๆ ทั่วงาน เช่น เกมเช็คอายุร่างกาย ที่ชวนทุกคนให้ดูแลน้ำหนักตัวและปรับพฤติกรรมสุขภาพด้วยเคล็ดลับการกินอยู่อย่างสมดุลจากเนสท์เล่ เกมจังก้ายักษ์ ที่ให้ความรู้เคล็ดลับส่งเสริมสุขภาพและโภชนาการที่ดีผ่านการตอบคำถามสนุก ๆ เกมไมโล ที่มุ่งส่งเสริมให้เด็ก ๆ เพิ่มกิจกรรมทางกายออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ และเกมแยกขยะ ที่สอดแทรกความรู้เรื่องการแยกขยะและส่งเสริมให้ผู้บริโภคเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้

โดยการจัดงาน Nestlé Healthy Family Fair เป็นการปิดท้ายปีของโครงการเนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรงอย่างยิ่งใหญ่จาก 130 ชุมชนทั่วประเทศ สู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดในงานสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับผู้บริโภค (Good for You) และเพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) ที่ต้องตอบโจทย์ความยั่งยืนที่ดีทั้งต่อผู้บริโภค สังคม ชุมชน ไปจนถึงโลกของเรา


แชร์ :

You may also like