ยังคงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงสำหรับ “Pet Humanization” หรือการที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ได้มองว่าตัวเองคือเจ้าของ แต่เป็น “พ่อ/แม่” ของสัตว์เลี้ยงมากกว่า หรือที่เรียกว่า “Pet Parents” ดูแลเอาใจใส่เหมือนลูก พร้อมทุ่มเท ทั้งเงิน และการเลี้ยงดู จนทำให้กลุ่มธุรกิจเพื่อสัตว์เลี้ยง หรือ เทรนด์คนรักสัตว์เลี้ยง “Petriarchy” ถูกจัดให้เป็นเทรนด์ที่มาแรงที่สุดเป็น TOP 3 ประจำปี 2024 นี้
การเติบโตของเทรนด์นี้ทำให้มูลค่าสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นกว่า 40,000-50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มอาหารสัตว์ 50% และอีก 50% เป็นกลุ่มการบริการ สินค้าประเภทเสื้อผ้า ที่นอน ของเล่นต่างๆ ซึ่งยังเติบโตต่อเนื่องทุกปี ขณะที่น้องหมา-น้องแมวยังคงเป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมมาเป็น 2 อันดับแรกตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเทรนด์การเลี้ยงแมวเติบโตขึ้น 5-6% จากปัจจุบันคนไทยเลี้ยงแมว 4-5 ล้านตัว ส่วนเทรนด์การเลี้ยงสุนัขปัจจุบันมีประมาณ 8 ล้านตัว คาดว่าจะลดลง เนื่องจากแมวเลี้ยงดูง่าย ใช้พื้นที่น้อยกว่าโดยเฉพาะสังคมเมืองที่อาศัยในคอนโดมิเนียม อีกทั้งค่าอาหาร ยารักษายังถูกกว่าสุนัข 1 เท่าตัว
โดยตลอดช่วงที่ผ่านมาได้เห็นผู้ประกอบการและแบรนด์ต่างๆ ต่างเร่งเปิดตัวสินค้าเพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดนี้มากขึ้น และหนึ่งในแบรนด์ที่น่าสนใจคือ บริษัท เว็ทซินโนว่า จำกัด คืออีกหนึ่งผู้ประกอบการที่เร่งปรับทัพในการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น หลังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังยา สินค้า และอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงมานานหลายสิบปี ก็เดินหน้าเปิดตัว แบรนด์ VFcore Innovated by VetSynova เป็นแบรนด์ที่ทำให้เรื่องของสุขภาพสัตว์เลี้ยง สามารถดำเนินไป พร้อมกับการใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว (Family Bonding Time)
น.สพ. มนัยธร เสริบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เว็ทซินโนว่า จำกัด ความนิยมในการเลี้ยงสัตว์ในไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยน้องหมา-น้องแมว ยังคงเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้ความนิยมมาเป็น 2 ลำดับแรก โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา พฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์ของคนไทย เจ้าของมองสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนลูก หรือเป็นสมาชิกในครอบครัว หรือปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “Pet Humanization” ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของ VFcore คือมีทัศนคติที่ให้สำคัญกับสัตว์เลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว มีความพร้อมในการเลี้ยงสัตว์ มีความสนใจในนวัตกรรมใหม่และสรรหาสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง
เปิด 3 กลยุทธ์ชิงส่วนแบ่งตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเมืองไทย
นอกจากนี้ยังได้ประกาศแผนขับเคลื่อนธุรกิจและแบรนด์ให้ครองที่ 1 ในตลาดอย่างต่อเนื่อง ย้ำชัดกลยุทธ์แรกที่เป็น Core Value ได้แก่ การวิจัย พัฒนา สร้างนวัตกรรมไลฟ์สไตล์ (Pet Lifestyle Innovation) ที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงที่รัก
เสริมด้วยกลยุทธ์ที่สอง สร้าง VFcore Community ให้แกร่งประเดิมด้วยโปรเจกต์ #เพราะรักให้เลีย กับ แมวยักษ์ ที่เป็น 3D animation ครั้งแรกในไทย ณ ลาน Parc Paragon และตึก Interchange แยกอโศกตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566 ซึ่งแบรนด์ยังมีฐานแฟนคลับที่หนาแน่น จึงเกิด Fan Project Meet ที่มีเจ้าของรวมถึงน้องหมาและแมวรวมกว่า 60 ชีวิต นับว่าเป็นการรวมตัวของแฟนตัวจริงของแบรนด์ครั้งใหญ่กลางห้าง
และกลยุทธ์ที่สาม แถลงข่าวเปิดตัวพรีเซนเตอร์ บริษัท เว็ทซินโนว่า จำกัด เจ้าของ ผลิตภัณฑ์ VFcore (วีเอฟคอร์) อาหารเสริมแมวเลีย ได้คว้าพระเอกหนุ่ม “นนกุล – ชานน สันตินธรกุล” มานั่งพรีเซนเตอร์คนแรก เพื่อตอกย้ำให้ชัดเจนทั้งภาพลักษณ์แบรนด์ และบุคลิกแบรนด์ สอดรับกลุ่มเป้าหมายใหม่และเพื่อรองรับการขายฐานกลุ่มเป้าหมายใหม่ ส่งเสริมการสื่อสารและถ่ายทอดภาพลักษณ์ของแบรนด์ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เว็ทซินโนว่า ตั้งเป้าว่าผลิตภัณฑ์ VFcore (วีเอฟคอร์) จะครองส่วนแบ่งการตลาดในฐานะที่ 1 ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าบุกตลาดในต่างประเทศ ทั้งจีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ยูเออี อินเดีย เป็นต้น จากปัจจุบันจำหน่ายในฮ่องกง อเมริกา เวียดนามแล้ว
สำหรับ VFcore ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแมวเลีย มีทั้งหมด 9 สูตร ด้วยวัตถุดิบพรีเมียมและสัตวแพทย์แนะนำ คือ สีเหลือง LS (Lysine) ไลซีน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดแมว ช่วยน้องคลายความเครียด สีแดง RB (Iron & Copper Multi-Vitamins) ช่วยบำรุงเลือด สีเขียว JC (Joint Care Complex) ช่วยบำรุงข้อต่อกระดูก
นอกจากนี้ ยังมีสีส้ม KC (Kidney Care) ช่วยบำรุงไต สีทอง Vitality ช่วยบำรุงทั่วไปมีวิตามินรวมกว่า 20 ชนิด สีเขียวมรกต BIO ช่วยลดอาหารท้องเสีย ปรับภูมิคุ้มกัน สีครีม ลาเต้ FIBER ช่วยขับก้อนขน ลดภาวะท้องผูก และ 2 สูตรใหม่ สีชมพู SK (Skin) ช่วยบำรุงผิวหนังให้แข็งแรง และบำรุงให้ขนสวยเงางาม สีน้ำเงิน UC ช่วยผ่อนคลายความเครียด และป้องกันการเกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ