การ์ทเนอร์เปิดตัวเลขยอดขายพีซีโลก 2566 แตะ 241.8 ล้านเครื่อง ลดลง 14.8% เมื่อเทียบกับปี 2565 และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีที่ยอดขายพีซีต่ำกว่า 250 ล้านเครื่องด้วย (เคยทำยอดขายต่ำสุด 230 ล้านเครื่องในปี 2549) โดย Lenovo, HP, Apple และ Acer เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ Dell และ ASUS มีอัตราการเติบโตลดลง
ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 พบว่ามีอัตราการเติบโตขึ้นเล็กน้อย เพียง 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 คิดเป็นยอดขายรวม 63.3 ล้านเครื่อง
คุณมิคาโกะ คิตากาวะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “ตลาดพีซีมาถึงจุดลดลงต่ำสุดแล้ว โดยในไตรมาส 4 ปี 2566 สินค้าคงคลังได้รับการปรับให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หลังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเป็นเวลาสองปี ซึ่งการเติบโตนี้ยังแสดงให้เห็นว่าอุปสงค์และอุปทานกลับมาสมดุลในที่สุด อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกเนื่องจากการขึ้นราคาของส่วนประกอบตามที่คาดการณ์ไว้ในปี 2567 รวมถึงความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเศรษฐกิจ”
“ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ผู้ขายพีซีชั้นนำทั้ง 6 รายยังคงรักษาตำแหน่งไว้โดยไม่มีส่วนแบ่งกำไรหรือขาดทุนที่โดดเด่น ซึ่งจากข้อมูลนี้การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าตลาดพีซีจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2567”
ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์ยอดขายพีซีจากการ์ทเนอร์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 พบว่า อันดับ 1 – 6 มีดังต่อไปนี้
- Lenovo ยอดขาย 16,213 เครื่อง (25.6%)
- HP ยอดขาย 13,954 เครื่อง (22%)
- Dell ยอดขาย 9,983 เครื่อง (15.8%)
- Apple ยอดขาย 6,349 เครื่อง (10%)
- Asus ยอดขาย 4,405 เครื่อง (7%)
- Acer ยอดขาย 3,987 เครื่อง (6.3%)
สำหรับผู้ขายพีซี 6 อันดับแรกในไตรมาส 4 ปี 2566 ยังไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในด้านผลงาน โดย Lenovo, HP, Apple และ Acer มีการเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ Dell และ ASUS มีอัตราการเติบโตลดลง
ส่องภาพรวมตลาดพีซี “สหรัฐฯ-เอเชีย-ยุโรป-ตะวันออกกลาง”
เมื่อแบ่งตามภูมิภาค การ์ทเนอร์ชี้ว่า ยอดขายพีซีในสหรัฐฯ มีการเติบโตเป็นครั้งแรกแบบรายปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2564 โดยเพิ่มขึ้น 1.8% ในไตรมาส 4 ปี 2566 ซึ่งการเติบโตของแล็ปท็อปช่วยชดเชยการเติบโตที่ลดลงของเดสก์ท็อปได้ และ HP ยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดพีซีในสหรัฐฯ โดยมีส่วนแบ่งตลาดที่ 27.7% ตามมาด้วย Dell ที่ 24.2%
ส่วนตลาดพีซีในยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา และอเมริกาเหนือ มีการเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบรายปี โดยเป็นผู้นำการเติบโตทั่วโลก
ตลาดเอเชียแปซิฟิกลดลง 8% นับเป็นการลดลงติดต่อกัน 7 ไตรมาส โดยแล็ปท็อปและเดสก์ท็อปเป็นอุปกรณ์ไอทีสองชนิดที่เติบโตลดลงในภูมิภาคนี้ ซึ่งเดสก์ท็อปได้รับผลกระทบมากกว่าโดยลดลงอย่างมีนัยสำคัญในประเทศจีน ส่งผลกระทบต่อตลาดเอเชียแปซิฟิกโดยรวม ปรับตัวลดลงระดับเลขสองหลักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ตลาดหลักในเอเชียแปซิฟิกมีการลดลงเล็กน้อย ส่วนตลาดเกิดใหม่เติบโตขึ้นเพียงเลขหลักเดียว
ด้านตลาดพีซีใน EMEA (ยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลาง) มีการเติบโตสูงสุดที่ 8.7% ซึ่งถือเป็นการกลับมาเติบโตครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 เมื่อเทียบเป็นรายปี
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand
เป็นเพื่อนกับเราได้ที่ LINE