รู้หรือไม่ว่านักการตลาดเรียกกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคว่ากลุ่มสินค้า FMCG ซึ่งย่อมาจาก Fast-Moving Consumer Goods นั่นก็คือสินค้าที่ผู้บริโภคซื้อมาและใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว เช่น ครีมอาบน้ำ โรลออน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ฯลฯ ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในวงกว้าง
โดยเจ้าของธุรกิจในกลุ่มสินค้า FMCG ต่างงัดกลยุทธ์ต่าง ๆ ทางการตลาดมาแข่งขันในตลาดนี้ เพื่อให้สินค้าเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและมุ่งสู่การเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้า FMCG และรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้าให้อยู่ในลำดับต้น ๆ
บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ขับเคลื่อนธุรกิจสินค้า FMCG ของไทย
บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO เป็นหนึ่งในผู้ทำการตลาด ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคชั้นนำของประเทศ โดย NEO มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี เพื่อช่วยดูแลชีวิตประจำวันของทุกคนให้ได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น และยังได้คิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่มีความพิเศษแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น โดยบริษัทฯ ได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพจากผู้บริโภคในประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV อาทิ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม
ปัจจุบัน NEO มีสินค้าอุปโภค ครอบคลุม 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่
1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products)
2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care Products)
3) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก (Baby and Kids Products)
ไปดูกันว่า ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีแบรนด์อะไรบ้าง
นำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
NEO ให้ความสำคัญเรื่องห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ โดยได้นำเทคโนโลยีเครื่องจักรอัตโนมัติมาใช้สนับสนุนให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น การใช้เครื่องบรรจุแบบอัตโนมัติ สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ผสมเสร็จแล้ว การใช้เครื่องจักรระบบแขนกล สำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ลงหีบห่อ การใช้สายพานลำเลียงสำหรับจัดส่งสินค้าสำเร็จรูปจากโรงงานการผลิตไปยังคลังจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังช่วยลดการสัมผัส เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัย
NEO สำรวจตลาดค้าปลีก FMCG และกำหนดราคาสินค้าอย่างเหมาะสม
NEO ใช้กลยุทธ์การสำรวจตลาดค้าปลีก FMCG โดยมีการกำหนดราคาให้เหมาะสมกับภาพลักษณ์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ซึ่งอาจจะมีราคาถูกกว่าหรือแพงกว่าคู่แข่ง แทนการตัดราคาคู่แข่ง ขณะที่สินค้าที่วางจำหน่ายในตลาด FMCG อยู่แล้ว NEO วางกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจร รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การให้ราคาส่วนลดพิเศษ การให้ของแถม เป็นต้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ NEO นำมาใช้ในการแข่งขัน
พัฒนานวัตกรรมธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว
NEO มีทีมวิจัยที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาสูตรการผลิตและบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและแนวโน้มของตลาด เช่น ในช่วงที่เริ่มเกิดโรคระบาดโควิด-19 บริษัทฯ ก็ได้พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ให้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ NEO ยังได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นใช้สารสกัดจากธรรมชาติซึ่งมีความอ่อนโยนต่อผิวตามแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติด้านนี้มากขึ้น
NEO นำเสนอกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมแมส
บริษัทฯ ได้ขยายผลิตภัณฑ์ครอบคลุมไปยังผู้บริโภคในกลุ่มพรีเมียมแมส (Premium Mass) ตามแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ยินดีจ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์ในราคาที่สูงขึ้น หากสินค้ามีคุณภาพดีขึ้น โดยสินค้าในกลุ่มพรีเมียมแมสมีคุณภาพและคุณสมบัติที่มีความพิเศษแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไป ซึ่งบริษัทฯ ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี พร้อมกับกำหนดแนวคิดตำแหน่งทางการตลาดที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ เช่น ผลิตภัณฑ์ Tomi ดูแลพื้นผิวบ้านด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างอ่อนโยน ผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำ BeNice ที่นอกจากจะใช้ทำความสะอาดร่างกายแล้ว ยังโดดเด่นด้วยมีส่วนผสมจากผลไม้ที่ช่วยบำรุงผิวให้กระชับชุ่มชื่น เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับการโปรโมตผ่านสื่อที่หลากหลาย ทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์
NEO มีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย
ผลิตภัณฑ์ของ NEO ได้วางจำหน่ายในช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่มีจำนวนกว่า 20,000 ร้านค้า และร้านค้าแบบดั้งเดิม ที่กระจายอยู่ใกล้เคียงกับชุมชน รวมถึงจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ อย่างในงานอีเวนต์หรือกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งาน Baby Fair และกิจกรรม Roadshow ในห้างสรรพสินค้า รวมถึงยังมีผู้จัดจำหน่ายสินค้าในตลาดต่างประเทศซึ่งเป็นพันธมิตรกับทางบริษัทฯ
NEO ให้ความสำคัญกับบุคลากร สนับสนุนด้านความหลากหลาย สร้างความเสมอภาค และผสานความแตกต่างระหว่างบุคคล
ความสำเร็จของ NEO ในวันนี้ ไม่ได้มีแค่สินค้าที่ได้รับความนิยมเท่านั้น แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา NEO ให้ความสำคัญกับบุคลากรในองค์กร ในการพัฒนาทักษะความรู้ ความสามารถ รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในที่ทำงาน เพื่อให้บุคลากรมีความคิดสร้างสรรค์ โดยการสนับสนุนดังกล่าวส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัลองค์กรที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชีย (Best Companies to Work for in Asia) โดยนิตยสาร HR Asia 4 ครั้งในปี 2562 ปี 2564 ปี 2565 และปี 2566 สิ่งเหล่านี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนให้องค์กรเกิดแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ ๆ
พัฒนาองค์กรให้เกิดความยั่งยืนในมิติต่าง ๆ
NEO ยังมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้เกิดความยั่งยืนในมิติต่าง ๆ ดังนี้
1.ด้านบุคลากรในองค์กร ปลูกฝังความรู้ความเข้าใจในปัญหาสิ่งแวดล้อม
2.ด้านกระบวนการจัดซื้อ สนับสนุนการจ้างแรงงาน และบริการในท้องถิ่น
3.ด้านการสร้างคุณค่าร่วม นำความคิดริเริ่มของคนในองค์กรมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และรักษาสิ่งแวดล้อม
4.ด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม การนำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการการใช้ทรัพยากร
5.ด้านระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน การรีไซเคิลพลาสติกนำกลับมาใช้ใหม่
NEO เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ล่าสุด NEO ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 78,000,000 หุ้น โดยมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท โดยมี บล. ทิสโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดย NEO จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน ซึ่งรวมถึงการขยายวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์และระบบบริหารจัดการคลัง และ/หรือ ชำระคืนเงินกู้กับสถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นทุนหมุนเวียนในธุรกิจ
หลังการระดมทุนของ NEO ครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าจับตาดูต่อไปว่า NEO จะนำเงินไปขยายธุรกิจและคิดค้น พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ได้เห็นในรูปแบบไหนอีกบ้าง ต้องรอติดตามกันต่อไป …
Reference : เอกสารไฟลิ่งจากสำนักงาน ก.ล.ต.