Learn Corporation ผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านการศึกษา (EdTech) ฉายภาพการศึกษาไทยในยุคที่คนรุ่นใหม่เกิดน้อยลง พบนักศึกษามหาวิทยาลัยสนใจเป็น “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง” เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากสาขา “แพทย์” ที่ครองแชมป์มาทุกยุคทุกสมัย ส่วนกระแสสตาร์ตอัปที่เคยฮิตในช่วง 4 – 5 ปีก่อนนั้น พบว่าเด็กรุ่นใหม่สนใจลดลงเช่นกัน
การศึกษาในยุคที่อัตราการเกิดของประชากรไทยลดลงเรื่อย ๆ เป็นเรื่องที่ท้าทาย แถมในยุคนี้ ยังมีเทคโนโลยีอย่าง Generative AI เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดแรงงานร่วมด้วย ซึ่งทำให้ทักษะ – อาชีพของมนุษย์ในอนาคตอาจต้องถึงเวลาคิดใหม่ทำใหม่อย่างจริงจัง
ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องการศึกษา และทักษะที่จะถูก Disrupt ในอนาคตอันใกล้ ยังปรากฏอยู่ในรายงาน The Future of Jobs ประจำปี 2566 จากการประชุม World Economic Forum ที่ระบุว่า ภายใน 5 ปี ทักษะ 44% ของผู้คนจะไร้ความหมายและไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ซึ่งในมุมของผู้ที่คร่ำหวอดในแวดวงการศึกษา คุณสาธร อุพันวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านการเรียนรู้แบบ On-Demand ในธุรกิจ EdTech เผยว่า แนวคิดของคนรุ่นใหม่ในการศึกษา รวมถึงกลุ่มผู้ปกครองได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยพบว่าครอบครัวรุ่นใหม่ให้ความสนใจหลักสูตรนานาชาติ เพื่อให้เด็กไทยตอบโจทย์โลกแห่งการทำงานในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องภาษาที่มองว่ามีความจำเป็น
ปรับโครงสร้างธุรกิจ โฟกัส 3 รูปแบบการเรียน
จากความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ ทาง เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จึงได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มธุรกิจ Out-School
เป็นกลุ่มที่เรียนผ่านแพลตฟอร์ม Learn Anywhere เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนก้าวเข้าสู่อาชีพการงาน และมีบริการให้คำแนะนำการเรียนต่อในต่างประเทศ โดยปัจจุบันถือเป็นกลุ่มที่มีส่วนแบ่งรายได้สูงสุดของบริษัท และในปีที่ผ่านมา ทางเลิร์น คอร์ปอเรชั่นได้มีการเปิดสาขาวิชาใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น การเพิ่มหลักสูตรภาษาอังกฤษ หรือการเปิดตัว Medical Career School เพื่อรองรับความต้องการของเยาวชนที่อยากก้าวสู่อาชีพแพทย์ เป็นต้น
กลุ่มธุรกิจ Chain School
เป็นกลุ่มธุรกิจบริหารโรงเรียนเอกชน โดยปัจจุบันมี LSP School (Learn Satit Pattana School) หรือ โรงเรียนเลิร์น สาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม ที่ เลิร์น คอร์ปอเรชั่นเข้าไปบริหารงาน ด้วยการใช้เทคโนโลยีและหลักสูตรการเรียนของบริษัทเข้าไปทำการเรียนการสอน ควบคู่กับการกำหนดแผนการเรียนตามเป้าหมายรายบุคคล และทักษะภาษาอังกฤษตามมาตรฐาน Cambridge International
นอกจากนี้ ในปี 2566 ยังได้เปิดตัวหลักสูตร ISP (International Signature Program) หรือหลักสูตรอินเตอร์ เพื่อรองรับกลุ่มนักเรียนนานาชาติที่มีอัตราเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย LSP School คือกลุ่มธุรกิจที่ LEARN Corporation โฟกัสในเรื่องคุณภาพการศึกษาเทียบเท่าโรงเรียนนานาชาติแต่มีค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองเข้าถึงได้ง่ายกว่า โดยตั้งเป้าจะเปิดอีก 4 – 5 สาขาในอนาคตอันใกล้นี้
กลุ่มธุรกิจ Professional & Skills
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มธุรกิจที่เน้นพัฒนาทักษะสมัยใหม่เพื่อรองรับการทำงานในโลกอนาคต โดยมีบริษัทในเครืออย่าง Skooldio เป็นตัวแม่ทัพใหญ่ (Skooldio ติดโผสตาร์ตอัปที่เติบโตสูงระดั
ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของเลิร์น คอร์ปอเรชั่นสามารถเข้าถึงผู้เรียนได้แล้วกว่า 5 แสนราย โดยแบ่งเป็น Out-School 540,000 ราย Chain School 1,000 ราย และ Professional & Skills อีก 25,000 ราย (ตัวเลขในปี 2566)
“แนวโน้มการเติบโตในปี 2567 คาดว่าภาพรวมธุรกิจจะโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจ Out – School จะยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้สูงสุดจากรายได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจ Chain School ที่เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่จะมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยผลตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ที่มองว่าหลักสูตรแบบ Personalized Learning เป็นแนวทางการศึกษาที่กำลังเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน” คุณสาธร อุพันวัน กล่าวปิดท้าย