HomeBig Featured10 ปีของ Satya Nadella สู่การเพิ่มมูลค่าหุ้น Microsoft “10 เท่า”

10 ปีของ Satya Nadella สู่การเพิ่มมูลค่าหุ้น Microsoft “10 เท่า”

แชร์ :

Satya Nadella เริ่มงานวันแรกในฐานะ CEO ของ Microsoft ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2014 ซึ่งราคาหุ้นของ Microsoft ในวันแรกที่ Satya Nadella เริ่มงานคือ 36.35 เหรียญสหรัฐฯ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ หรือก็คือ 10 ปีผ่านไป มูลค่าหุ้นของ Microsoft อยู่ที่ระดับ 364 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นราว 10 เท่า ไม่เพียงเท่านั้น Microsoft ยังก้าวสู่การเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ นั่นคือทะลุ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอาณาจักรใหญ่เทียบเคียงกับ Apple กันเลยทีเดียว

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การสร้างการเติบโตให้กับหุ้นราคา 36.35 เหรียญสหรัฐฯ ไปสู่ระดับ 360 เหรียญสหรัฐฯ ภายใน 10 ปีไม่ใช่เรื่องธรรมดา โดยหากย้อนไปในปี 2014 ต้องยอมรับว่า Microsoft ในเวลานั้น เจอกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นกระแสโลกที่ทุ่มไปยังอุปกรณ์อย่าง “สมาร์ทโฟน” แต่ Microsoft กลับไม่มีตัวตนมากนักในตลาดดังกล่าว และการซื้อกิจการของ Nokia มาในยุคที่มี Steve Baller เป็น CEO ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาด (ในเวลานั้น มีความพยายามจะนำระบบปฏิบัติการ Windows ใส่ลงในมือถือของ Nokia ทั้ง ๆ ที่ผู้ใช้งานมีตัวเลือกอย่างระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และ iOS ที่สะดวกมาก ๆ อยู่แล้ว)

ไม่เพียงเท่านั้น ในโลกของการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต Bing จาก Microsoft ก็ยังแพ้ให้กับ Google และระบบปฏิบัติการ Windows 8 ก็ไม่สามารถชนะใจผู้ใช้งานได้เหมือนกับความสำเร็จของ Windows 7 ด้วยเช่นกัน

(แฟ้มภาพ )

 Satya ทำอะไรกับ Microsoft บ้าง

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของ Microsoft ภายใต้การบริหารของ Satya Nadella ก็คือการทำให้ Microsoft มีตัวตนบนโลกของสมาร์ทโฟนในวิธีที่ต่างออกไป แทนที่จะนำความเป็น Windows ใส่ลงในสมาร์ทโฟน Satya เลือกที่จะใช้หัวหอกอย่างโปรแกรม Office ในการบุกตลาดแทน และเขาก็ทำให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการจับมือกับคู่แข่งอย่าง Apple, Google, Amazon เช่น การส่งชุดโปรแกรม Office ให้เปิดได้บน iPad รวมถึงพัฒนาแอปสำหรับ Android และ iOS โดยผู้ใช้งานสามารถเปิดไฟล์ต่าง ๆ ของ Microsoft ได้สะดวกขึ้นมากบนอุปกรณ์เล็ก ๆ อย่างสมาร์ทโฟน ซึ่งถือเป็น “ความดีงาม” อย่างมากในยุคดังกล่าว เพราะมันทำให้การทำงานแบบ Anywhere – Anytime เกิดขึ้นได้จริง ๆ

การเปลี่ยนแปลงอีกข้อคือ เขาก้าวข้าม Windows 9 ที่มีปัญหา และเลือกที่จะพัฒนา Windows 10 จนกลายเป็นระบบปฏิบัติการที่หลายคนรัก จนไม่ยอมเปลี่ยนไปเป็น Windows 11

การเป็น CEO ของ Satya ยังทำให้ Microsoft รุกไปยังตลาดที่ยังไม่มีใครแตะมากนัก นั่นคือคลาวด์ โดยก่อนหน้าที่จะรับตำแหน่ง CEO เขาเป็นผู้บริหารของฝ่ายที่ดูแลด้านเซิร์ฟเวอร์อยู่แล้ว (Nadella เข้ารับตำแหน่งประธานฝ่าย Server and Tools ของ Microsoft ตั้งแต่ปี 2011) และในปี 2013 ฝ่ายของเขาสร้างรายได้ให้กับบริษัทถึง 20,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

microsoft satya nadella

ซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจ

ในระหว่างการดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Satya Nadella เขายังได้ซื้อกิจการของ LinkedIn เป็นเงิน 26,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ GitHub ราคา 7,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงซื้อบริษัทเกม Activision Blizzard อีก 68,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วย โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า

การตัดสินใจซื้อกิจการต่าง ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Microsoft นั้น พิจารณาจาก 2 เกณฑ์ นั่นคือ ตัวบริษัทดังกล่าวจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ Microsoft ได้อย่างไร และการซื้อกิจการนั้น ๆ จะทำให้ฐานะทางการเงินของ Microsoft ก้าวไปสู่จุดไหน

“OpenAI” การลงทุนครั้งสำคัญ

หันไปมองผลประกอบการในปี 2022 ไมโครซอฟท์ทำรายได้ทุบสถิติ 198,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18% และมีกำไร 72,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Microsoft ในยุคของ Satya Nadella ก็คือ การประกาศลงทุนอย่างน้อย 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน OpenAI ของ Sam Altman และมี ChatGPT เป็นหัวหอกในการบุกตลาดปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่ นอกจากนั้น  Microsoft สามารถนำ AI มาปรับเข้ากับธุรกิจของตนเองได้อย่างไร้รอยต่อ และมีการทดลองใช้งานในภาคธุรกิจกับบริษัทยักษ์ใหญ่บางรายด้วย

เมื่อ ChatGPT เติบโตและเริ่มทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ Microsoft ก็ได้เปิดตัวบริการ Subscriptions รายเดือน สำหรับการใช้ AI ของทางค่ายร่วมกับบริการ Office365 และทำให้หุ้นของ Microsoft ปรับตัวเพิ่มขึ้นทันทีเช่นกัน

ดึง AI กลับสู่อินเดีย

เพื่อรับยุคของ AI และในฐานะที่เป็นชาวอินเดีย Satya Nadella ยังได้ประกาศแผนพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับชาวอินเดีย 2 ล้านคนเพื่อให้ก้าวทันการแข่งขัน และมีการจับมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม

ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า อินเดียกำลังเป็นประเทศที่ถูกจับตาจากการเติบโตที่รวดเร็วทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความขัดแย้งทางการเมืองโลกที่รุนแรงมากขึ้นในเวลานี้ หลายอุตสาหกรรมมีการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังอินเดีย ซึ่ง Microsoft เองก็มีพนักงานมากกว่า 23,000 คนในประเทศดังกล่าว

การริเริ่มโครงการ ADVANTA(I)GE INDIA เพื่อให้คนอินเดียเข้าถึง AI และเรียนรู้การใช้แพลตฟอร์มคลาวด์ Azure จึงอาจเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ Microsoft คาดหวังไว้ว่าจะออกดอกออกผลในระยะยาวก็เป็นได้

Source

Source

Source

Source

Source

Source

Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand

เป็นเพื่อนกับเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like