ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา “ธุรกิจประกันชีวิต” ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากผู้บริโภคเห็นความสำคัญและหันมาทำประกันชีวิตและความคุ้มครองมากขึ้น เพราะเห็นแล้วว่าความไม่แน่นอนด้านสุขภาพและชีวิตมีมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดขับเคี่ยวกันอย่างรุนแรง เพราะทุกแบรนด์ต่างงัดทุกกลยุทธ์เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าและขยายฐานลูกค้าใหม่กันอย่างหนัก
นั่นจึงทำให้ปี 2567 “บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)” หรือ “BLA” ต้องรุกตลาดเต็มสตรีม ทั้งการสร้างแบรนด์ประกันที่ใส่ใจ และเพิ่มศักยภาพช่องทางการขายให้มากขึ้น เพื่อให้แบรนด์ประกันที่มีอายุกว่า 70 ปี ยังคงอยู่ในใจผู้บริโภค พร้อมสร้างการเติบโตของเบี้ยรับประกันภัยปีแรกและรายได้ตัวแทนเป็น 2 เท่าใน 5 ปี
สร้างแบรนด์ประกันที่ใส่ใจ เข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง
แม้ “กรุงเทพประกันชีวิต” จะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดประกันชีวิตมานานและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมาอาจไม่ได้มีสีสันทางการตลาดมากนัก บวกกับแบรนด์มีอายุกว่า 70 ปี จึงอาจทำให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคน้อยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ หรือบางคนอาจรู้จักแต่ยังไม่เคยใช้บริการ นั่นจึงทำให้ปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิต มุ่งโฟกัสเรื่องการสร้าง Brand Awareness มากขึ้น เพื่อตอกย้ำการเป็นแบรนด์ประกันชีวิตที่เข้าใจ จริงใจ และใส่ใจลูกค้าทุกคน (The Most Caring) ให้เข้าถึงลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น
คุณโชน โสภณพนิช กรรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บอกว่า กรุงเทพประกันชีวิตเริ่มต้นสร้างแบรนด์อย่างหนักมาตั้งแต่ปี 2565 โดยดึง “นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” เป็นพรีเซ็นเตอร์สร้างการรับรู้ถึงบริการสุขภาพครบวงจร ถัดมาในปี 2566 ได้สื่อสารถึงการใส่ใจของบุคลากรตั้งแต่เริ่มต้นทำประกัน จนสิ้นสุดการรักษาพยาบาล ผ่านการให้รางวัลพิเศษกับตัวแทนที่ได้รับคำชมจากลูกค้า พร้อมทั้งเชิญชวนตัวแทนให้นำเรื่องราวการดูแลลูกค้ามาประกวดในแคมเปญ “ใส่ใจ สตอรี่” และต่อยอดเป็นคลิปวิดีโอ 4 EP โดยมียอดวิวใน YouTube สูงถึง 15 ล้านวิว
“เราคิดว่าการที่เรานำเอาเรื่องจริงและเรื่องดีๆ มาเผยแพร่จะช่วยปลูกฝังทัศนคติให้กับพนักงานและตัวแทน รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการมากขึ้น มาปีนี้เราตั้งใจที่จะสร้างแบรนด์หนักขึ้น ผ่านการให้บริการที่ครบวงจร และสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนจุดยืนความเป็นแบรนด์ประกันชีวิตที่ดูแลมากกว่าแค่การประกันชีวิต แต่เข้าใจ จริงใจ ใส่ใจ และสร้างประสบการณ์ประทับใจให้กับลูกค้า”
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มใหม่ในปีนี้ มี 5 ด้าน คือ 1.ด้านสุขภาพ เช่น รถรับส่งไปรพ. ดูแลผู้ป่วยที่บ้าน 2.การเดินทาง เช่น รถรับส่ง ห้องรับรอง รถกอล์ฟที่สนามบิน 3.สิทธิประโยชน์เฉพาะบุคคล เช่น ของขวัญวันสำคัญ อาทิ คลอดบุตร แต่งงาน และจบการศึกษา 4.การศึกษา เช่น คอร์สอบรมสัมมนา และ 5.ประสบการณ์พิเศษ เช่น ที่จอดรถ
เติมตัวแทน เพิ่มศักยภาพช่องทางการขาย ปั้นเบี้ยโตปีละ 15%
นอกจากการสร้างแบรนด์อย่างหนักแล้ว กรุงเทพประกันชีวิตยังเน้นเติมตัวแทนที่มีศักยภาพและพัฒนาให้คนเหล่านี้เติบโตเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่มีคุณภาพ จากปัจจุบันมีตัวแทนและที่ปรึกษาทางเงินรวม 10,000 คน ผ่านการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อาทิ เครื่องมือ AAM (Agent Activity Management) เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงแบบประกันสะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงเติมความรู้ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับตัวแทน
ขณะเดียวกัน ยังรุกเพิ่มช่องทางจำหน่ายมากขึ้น จากปัจจุบันมี 6 ช่องทาง คือ 1.ช่องทางตัวแทน 2.ช่องทางธนาคาร 3.ช่องทางพันธมิตร 4.ประกันกลุ่ม 5.ช่องทางออนไลน์ และ 6.ช่องทางขายตรง เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ถือกรมธรรม์ของกรุงเทพประกันชีวิตให้มากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางโมบายแบงก์กิ้ง เพราะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 68 ล้านบาท หลังปีที่ผ่านมาเปิดให้ลูกค้าซื้อประกันสะสมทรัพย์ Gain1st ผ่านโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารกรุงเทพ ในปีนี้จึงมีแผนเพิ่มแบบประกันใหม่ๆ ให้ลูกค้ามีทางเลือกที่ตรงใจพร้อมสร้างประสบการณ์ใช้งานที่สะดวกและง่ายดายมากขึ้น
โดยคุณโชนเชื่อว่า จากการรุกตลาดและสร้างแบรนด์มากขึ้น ประกอบกับทิศทางธุรกิจประกันชีวิตปีนี้ที่มีแนวโน้มสดใส เพราะคนมีความตระหนักและให้ความสนใจในการทำประกันเพิ่มขึ้น ในขณะที่ตัวแทนด้านการขายก็เป็นอาชีพที่ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกันเพราะภาพลักษณ์ของประกันชีวิตดีขึ้น จะทำให้แบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมทั้งดันเบี้ยรับประกันภัยปีแรกและรายได้ตัวแทนเติบโตเป็น 2 เท่าใน 5 ปี หรือเติบโตปีละ 15% และภายใน 5 ปี จะขับเคลื่อนเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรกแตะ 10,000 ล้านบาท