HomeBrand Move !!เปิดกลยุทธ์ “Taco Bell”  กับบทบาทผู้ท้าชิงตลาด QSR เมืองไทย สู่เป้ารายได้ 1,000 ล้าน ทะยาน No.1 Mexican Fast Food

เปิดกลยุทธ์ “Taco Bell”  กับบทบาทผู้ท้าชิงตลาด QSR เมืองไทย สู่เป้ารายได้ 1,000 ล้าน ทะยาน No.1 Mexican Fast Food

แชร์ :

Taco Bell

“Taco Bell” (ทาโก้ เบลล์) เชนร้านอาหารจานด่วนสไตล์เม็กซิกัน หรือที่เรียกว่า Fast Food หรือ Quick Service Restaurant (QSR) ชื่อดังจากจากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นปี 1962 เปิดให้บริการครั้งแรกที่เมืองดาวนีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย จนขยายสาขาและได้รับความนิยมตลอด 62 ปีที่ผ่านมาในหลายประเทศทั่วโลก

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

สำหรับในประเทศไทย Taco Bell เข้ามาทำตลาดครั้งแรกในปี 2019 หรือ 5 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำเข้าของ  บริษัท สยามทาโก้ จำกัด ในเครือ โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA เป็นที่รู้จักของธุรกิจตระกูล “มหากิจศิริ” โดยเปิดให้บริการสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเมอร์คิวรี่ วิลล์  ชิดลม ปัจจุบันเปิดให้บริการไปแล้ว 25 สาขา และทำรายได้ไปแล้วกว่า 318 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งการเติบโตที่ดีและน่าสนใจอยู่ไม่น้อยท่ามกลางการแข่งขันของตลาดร้านอาหารเมืองไทยที่มีผู้เล่นอยู่เป็นจำนวนมาก

BrandBuffet พูดคุยกับ “คุณเชน เมืองครุฑ” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สยามทาโก้ จำกัด ในเครือ TTA  ถึงแนวทางการสร้างแบรนด์ที่น่าสนใจ ท่ามกลางความท้าทายในตลาด QRS (Quick service restaurants) ของไทยกับบทบาทความเป็นผู้ท้าชิงที่ไม่ใช่การโค่นแชมป์เก่า หากแต่คือการเปิดเซกเมนต์ใหม่สู่อีกหนึ่งผู้เล่นหลักที่มีอาหารเม็กซิกันเป็นแกนหลัก

 

คุณเชน เมืองครุฑ

คุณเชน เมืองครุฑ

 

“ปีที่ผ่านมาเราเปิดสาขาทีเดียวถึง 13 แห่ง จากช่วงแรกๆที่เปิดเพียงปีละ 3-4 สาขา เนื่องจากต้องการสร้างแบรนด์ให้คนเห็นเยอะขึ้น จนสามารถสร้างการรับรู้และแบรนด์อะแวเนสได้เป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา แน่นอนนับจากนี้เราจะโฟกัสการทำตลาดในไทยมากขึ้น โดยจะเน้นสร้างการรับรู้และขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย” คุณเชน เมืองครุฑ เริ่มต้นกล่าวถึงเป้าหมายของ Taco Bell ในไทยนับจากนี้

 

5 ปี กับเส้นทางร้านอาหารเม็กซิกันในไทย ที่มีเป้าใหญ่คือเป็นหนึ่งในผู้เล่นร้าน QSR แบรนด์หลัก

คุณเชน เล่าต่ออีกว่า นับจากวันแรกที่ Taco Bell เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ 5 ปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดอาหารเมืองไทยที่รายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งผู้เล่น การแข่งขัน โดยเฉพาะในตลาด QSR ที่มีการแข่งขันรุนแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยความท้าทายของแบรนด์ประการแรกคือ ในตลาดเมืองไทยส่วนใหญ่ลูกค้ายังไม่รู้จักอาหารประเภทนี้มากนัก ทำให้ยากต่อการทำตลาด ในความท้าทายมองว่ายังมีโอกาสอยู่เพราะในตลาดก็ไม่มีคู่แข่งและยังเป็น Blue Ocean อยู่มาก ซึ่งหากเราสามารถสร้างการเติบโตตรงนี้ได้ก็จะไม่มีใครมาแชร์ตลาดกับเรา นอกจากนี้ยังมีเรื่องต้นทุนที่สูงกว่าคู่แข่งในอาหารประเภทอื่น เพราะวัตถุดิบหลายอย่างต้องนำเข้าทำให้ต้องบริหารจัดการเป็นอย่างดี

แม้ Taco Ball จะอยู่ในตลาด QSR ที่มีหลายเซกเมนต์ทั้งไก่ทอด พิซซ่า เบอร์เกอร์ ของเราก็คือ QSR ประเภทอาหารเม็กซิกัน แน่นอนการที่แบรนด์เราอยู่ในกลุ่มร้านอาหาร QSR ข้อดีคือเวลาคนนึกถึงอาหารฟาสต์ฟู้ดก็จะมีแบรนด์ใหญ่ไม่กี่แบรนด์ที่คนนึกถึง และเราก็อยากเป็นหนึ่งในอาหารเม็กซิกันที่คนนึกถึงหากหิว

“ในตลาดต่างประเทศแม้แต่สหรัฐอเมริกา Taco Ball ก็ไม่มีเบอร์สองที่ชัดเจนในตลาด QSR แม้จะมีผู้เล่นหลายรายในนั้น เช่นเดียวกับประเทศไทยเป้าหมายของเราเมื่อพูดถึงอาหารเม็กซิกันฟาสต์ฟู้ด หรือเมนูทาโก้ ก็อยากให้นึกถึงเราเป็นอันดับแรก”

โดยปัจจุบันโมเดลของ “ทาโก้เบล”  แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก  ได้แก่

  • รูปแบบอินไลน์ (Inline) หรือโมเดลที่สร้างอยู่ในตัวอาคารต่างๆ พื้นที่ตั้งแต่ 100 ตร.ม.ขึ้นไป อาทิ ศูนย์การค้า อาคารต่างๆ
  • โมเดลเดลโก้ (Delco) หรือ Delivery Concentrated ที่เน้นดิลิเวอรีเป็นหลัก บนพื้นที่ 60-70 ตร.ม. ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ
  • โมเดลสแตนอะโลน (Standalone)  และ Shipping Container (ไม่มีตัวอาคารสร้างจากพื้นที่เปล่าๆ) พื้นที่ตั้งแต่ 100 ตร.ม.ขึ้นไป ได้แก่ ปั๊มน้ำมันท ย่านชุมชน และทำเลที่มีศักยภาพ

เปิดใหม่รามอินทรา กับ “Shipping Container” สาขาแรกในไทยกับโมเดลรักษ์โลก

ก้าวสู่ปีที่ 6 “Taco Bell” ยังเดินหน้าขยายสาขาและสร้างแบรนด์ผ่านโมเดลต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพ เขตเมือง หมู่บ้าน และออฟฟิศไปจนถึงศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 8-10 สาขา

ล่าสุดกับโมเดลร้านแบบ Shipping Container เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ปั๊มบางจาก สาขารามอินทรา กม. 6.5 ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่มีผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางผ่านเข้ามาใช้บริการต่อวันเป็นจำนวนมาก ภายในร้านแบบมีที่นั่งรับประทานได้ประมาณ 30 ที่นั่ง  สามารถรองรับลูกค้าที่รับประทานที่ร้าน และลูกค้าที่สั่งผ่านดิลิเวอรีมากขึ้น

 

 Taco Bell Shipping Container

Taco Bell โมเดล Shipping Container สาขาแรกที่ปั๊มบางจาก รามอินทรา กม.6

 

ที่มาของโมเดลนี้เป็นการเลือกตั้งสาขาแบบตู้คอนเทนเนอร์ เนื่องมาจากนโยบายของบริษัทแม่ที่ต้องการเดินหน้าเรื่องของ Sustainable มากขึ้นผ่านทั้งเรื่องของบรรจุภัณฑ์ ภาชนะต่างๆ ไปจนถึงรูปแบบการเปิดสาขาอย่างตู้คอนเทนเนอร์มาใช้คือการหมุนเวียนวัสดุอย่างหนึ่ง ซึ่งมีความืดหยุ่นและสะดวกสบายต่อการขยายสาขาในอนาคตหากต้องการขยายสาขาเพิ่มก็สามารถนำตู้คอนเนอร์เข้ามาต่อกันได้ ทำให้มีความง่ายและประหยัดต้นทุนเวลา นอกจากนี้ยังให้กลิ่นอายลอฟต์ (Loft) ที่มีความทันสมัย

ขณะที่การเลือกทำเล รามอินทรา กม.6 เป็นสาขาแรก เพราะเป็นเขตชุมชน มีหมู่บ้านที่มีกำลังซื้ออยู่มาก ซึ่งลูกค้าจะได้มีโอกาสลองทานอาหารสไตล์เม็กซิกันของทาโก้ เบลล์ ที่มีรสชาติอร่อย จัดจ้าน และมีให้เลือกหลากหลายเมนูในราคาที่คุ้มค่า เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยปัจจุบันเมนูราคาเริ่มต้นราคาที่ 69 บาท เจาะตลาดตรงกลางระหว่างตลาดกลางและบน

กางแผนปี 2024-2026 ปูพรมเพิ่ม 8-10 สาขา/ปี สู่รายได้ 1,000 ล้านบาท กับ 50 สาขาใน 3 ปี

ภายใต้วิชั่นที่ต้องการเป็น Top of Mind หรือการเป็น Mexican Fast Food No.1 ในใจคนไทยกับเป้าหมาย  3 ปีข้างหน้าจะต้องมีรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาท หรือมีจำนวนสาขาราว 50 สาขา (เฉลี่ยเปิดปีละ 8-10 สาขาตลอด 3 ปีนับจากนี้) แน่นอนโจทย์ใหญ่ของ “คุณเชน เมืองครุฑ” ในฐานะผู้จัดการทั่วไป ซึ่งมีหน้าที่ในการปั้นแบรนด์ให้ติดตลาดจากนี้คือการเร่งเครื่องการรับรู้แบรนด์ให้ครบทุกมิติ หรือที่เจ้าตัวเรียกว่ายุค Taco Bell 2.0  ที่ “บางอย่างจะต้องก้าวไปข้างหน้า แต่บางอย่างก็จำเป็นต้องถอยหลัง” เพื่อกลับมาเริ่มนับหนึ่งในการรุกตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ใหม่

 

 Taco Bell 2

 

โดยปี 2024 นี้จะเป็นปีแรกที่ Taco Bell โฟกัสเรื่องการ Educate ลูกค้าให้รับรู้เรื่องของแบรนด์ ตลอดจนสร้างการเข้าถึงของอาหารเม็กซิกันไปยังคนไทยมากขึ้น  โดยจะเน้นการสื่อสารไปยังช่องทางต่างๆมากขึ้นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะช่องทางหน้าร้านที่จะมีการอบรมให้ความรู้แก่พนักงานให้สามารถถ่ายทอดเรื่องราว หรือความรู้เรื่องเมนูต่างๆของอาหารเม็กซิกันให้แก่ลูกค้าได้

 

“จากการทำรีเสิร์ซของเรา ส่วนใหญ่คนยังไม่รู้ว่าเราขายอะไร เพราะอาหารเม็กซิกัน ค่อนข้าง Unknown สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาเราได้สื่อสารทุกช่องทางแต่ยังไม่สามารถแยกประเภทของอาหารได้มากนัก ปีนี้เราจึงถอยมานับหนึ่งใหม่ว่า ถ้าเราจะ Educate คนเราจะต้องเน้นชูเมนู Taco ขึ้นมาเป็นหลักจากเดิมที่เน้นความวาไรตี้ของเมนูเพื่อให้คนรับรู้และเข้าใจ  เพื่อให้คนคุ้นเคยกับ Taco Bell กับ Taco ให้ได้ เหมือนคู่แข่งในตลาดต่างๆ ทั้งไก่ทอด พิซซ่า เบอร์เกอร์ที่หากเอ่ยชื่อเมนูเหล่านี้ทุกคนจะนึกถึงผู้เล่นในตลาด QSR แต่ละประเภททันที”

 

นอกจากนี้ในปีนี้ยังจะเน้นสื่อสารในเรื่องของสตอรี่ของแบรนด์ถึงเบื้องหลังความเป็นมาของแบรนด์ จากผู้ก่อตั้งอย่าง Glen William Bell Jr. ให้คนได้รับรู้ถึงตัวตนและที่มาของแบรนด์อย่างแท้จริง

“เช่นเดียวกับในไทยแต่ก่อนในอเมริกาก็ไม่รู้จักเมนู Taco มากนัก แต่การสร้างแบรนด์บอกเล่าสตอรี่ความเป็นมา ไปจนถึงเรื่องราวต่างๆของเมนูก็ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักแพร่หลาย จนกลายเป็นเมนูอาหารที่หาทานได้ง่ายในอเมริกาในปัจจุบัน”

 

เปิดกลยุทธ์สร้างแบรนด์ ต้องหลากหลายและครบทุกมิติ “ให้รู้-ให้เห็น-จนต้องลองทาน”

การสร้างแบรนด์ของ Taco Bell มียุทธ์ศาสตร์ในสองส่วนหลัก ได้แก่ 1.การขยายสาขาในเขตเมือง เพื่อให้พนักงานออฟฟฟิศ กลุ่มคนเมืองได้เห็น ทดลองชิม และ 2. การขยายสาขาในเขตชุมชนหมู่บ้าน ไปจนถึงเขตชานเมือง เพื่อให้กลุ่มคนได้เห็นแบรนด์ Taco Bell อยู่ตลอดเวลา และเกิดการทดลองขึ้น เช่น กลางวันคุ้นชินกับการทานอาหารของร้านที่ในเมือง หากวันหยุดหรือช่วงอยู่บ้านก็สามารถหาทานได้ง่าย และนั่นคือกลยุทธ์ที่จะทำให้คนเห็นแบรนด์อยู่ตลอดเวลา

โดยปัจจุบันลูกค้าทาโก้เบล มีทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย โดยชาวไทยเป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ ที่ทำงานในเมือง อายุ 25-40 ปีเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่มาทานตามที่ลูกๆแนะนำชื่นชอบ ซึ่งถือเป็นกลุ่มตลาดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และแบรนด์ยังไม่เคยหันมาทำตลาดจริงจัง โดยปีนี้ (2567) จะหันมาโฟกัสลูกค้ากลุ่มนี้เป็นพิเศษ

 

Taco Bell 3

เมนูทาโก้ หนึ่งในซิกเนเจอร์เมนูที่ Taco Bell จะนำมาสร้างการรับรู้แบรนด์ให้คนไทยได้รู้จักอาหารเม็กซิกันมากขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ (Vegetarian)  ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพมาก ขณะเดียวกันแบรนด์ก็มีจุดแข็งในเรื่องของการเป็นอาหารเม็กซิกันที่เป็นมังสวิรัติอยู่แล้ว จึงจะมีการนำจุดแข็งนี้มาพัฒนาเมนูใหม่ให้หลากหลาบมากขึ้น เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย

“เรามองว่าในตลาด QSR ด้วยกันเอง ยังไม่มีแบรนด์ไหนที่มี Option ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้โดยตรงมากนัก อย่างมากก็อาจจะมีแค่ Palnt-Based ซึ่งยังไม่แพร่หลายและนิยมมากนัก แน่นอนเราจะนำจุดแข็งของเราตรงนี้มาพัฒนาเมนูต่อ ไม่ว่าจะเป็นเมนูจากถั่ว ข้าวเม็กซิกันมาต่อยอด เป็นต้น”

ขณะที่อีกหนึ่งหัวใจสำคัญหลังการรีเสิร์ซพฤติกรรมลูกค้า พบว่า Taco Bell มักจะขายดีในช่วงกลางคืนและผ่านช่องทางดิลิเวอรีเป็นหลัก เนื่องจากพฤติกรรมลูกค้าคนไทยส่วนใหญ่มักจะสังสรรค์ตอนกลางคืน ซึ่งเมนูของร้านสามารถรับประทานกับเครื่องดื่มประเภทต่างๆไ ด้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนต้องยอมรับว่าดิลิเวอรีเป็นเครื่องมือสำคัญให้คนมาทดลองรับประทานอาหารที่ร้าน

ทำให้บริษัทหันมาโฟกัสช่องทางการจำหน่ายแบบดิลิเวอรีจริงจังมากขึ้น โดยปัจจุบันTaco Bell  มียอดขายผ่านช่องทางดิลิเวอรีคิดเป็น 40% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงและมีการเติบโตที่ดีทำให้จากนี้ไปช่องทางดิลิเวอรีจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการทำตลาดของแบรนด์ ทำให้ทางแบรนด์เตรียมขยายโมเดลใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โมเดล Drive -Thru  และโมเดล 24 ชั่วโมง ออกมาภายใน 1-2 ปีนับจากนี้

ท้ายที่สุด “คุณเชน” บอกว่า แม้ Taco Bell จะเพิ่งเริ่มติดตลาดในไทย แต่สิ่งที่แบรนด์จะยังคงเดินหน้าต่อเนื่องคือการขยายฐานลูกค้า สร้างการจดจำแบรนด์ ไม่ใช่เพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาด QSR ที่มียักษ์ใหญ่ครองส่วนแบ่งอยู่แล้ว หากแต่คือการสร้างเซกเมนต์อาหารใหม่ในตลาด QSR เมืองไทยให้เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในอนาคต

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE

 

 

 

 


แชร์ :

You may also like