หลังจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นู แชปเตอร์ โฮเทลฯ ได้ทุ่มงบการลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท เปิดให้บริการ โรงแรมวาลา หัวหิน-นู แชปเตอร์ โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต หรูระดับ 5 ดาว และได้การตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมากตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวชะอำ-หัวหิน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีกลุ่มผู้เข้าพักถึง 70% ทั้งในกลุ่มครอบครัว คู่รัก และเพื่อนฝูง
ล่าสุด นู แชปเตอร์ โฮเทล จึงมองหาโอกาสทางการต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ อีกครั้งรับภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ด้วยการทุ่มงบประมาณกว่า 80 ล้านบาท ถูกนำมาพัฒนาโปรดักต์และตอกย้ำแบรนด์ วาลา หัวหิน ให้มีความแข็งแกร่งมายิ่งขึ้น ด้วยการเปิดให้บริการ เซลา ซีแซงชัวรี่ สปา (Sela Sea Sanctuary Spa) ซีสปา แห่งแรกที่ชะอำ-หัวหิน และเปิด คิดส์คลับ สำหรับเด็กวัย 2 – 12 ปี สอนการเรียนรู้จากธรรมชาติ ตอกย้ำคอนเซ็ปต์โรงแรม Nature’s Touch with a Modern Design
นอกจากนี้ยังแตกไลน์สู่ธุรกิจอาหารเต็มรูปแบบ เปิด “คาซ่ามาเร่” (Casa Mare Beachfront Restaurant & Lounge) เป็นบีชฟร้อนต์เรสเตอรองที่เป็นร้านอาหารสแตนอโลนร้านแรก ภายใต้ นู แชปเตอร์ โฮเทล บนชายหาดชะอำที่ทอดยาวกว่า 200 เมตร จำหน่ายอาหารไทย ซีฟู้ด รวมถึงอาหารสไตล์เอเชียและยุโรปสมัยใหม่
คุณวศุมา คณาธนะวนิชย์ กรรมการบริหาร นู แชปเตอร์ โฮเทล ในฐานะ Gen 3 ของตระกูล “เตชะไพบูลย์” กล่าวว่า ภายหลังการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวในชะอำ-หัวหินมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยสะท้อนจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบกับมีประสบการณ์ด้านอาหารมานาน บริษัทจึงตัดสินใจแตกไลน์ธุรกิจอาหาร เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจโรงแรมแต่เพียงอย่างเดียว
จึงสยายปีกสู่ธุรกิจอาหารเต็มรูปแบบ เตรียมพบกับ คาซ่ามาเร่ (Casa Mare) บีชฟร้อนต์ เรสเตอรอง & เลานจ์ (Beachfront Restaurant & Lounge) บนหาดชะอำ-หัวหิน เป็นร้านอาหารสแตนอโลนแห่งแรกของ นู แชปเตอร์ โฮเทล บนชายหาดชะอำยาว 200 เมตร จำหน่ายอาหารไทย ซีฟู้ด รวมถึงอาหารสไตล์เอเชียและยุโรปสมัยใหม่ รวมถึงอาหารสไตล์เอเชียและยุโรปสมัยใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Favorite Feast by the Sea, from day to night และยังมีเมนูให้เลือกกว่า 80 เมนู ราคาต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 600 -800 บาท
นอกจากนี้ยังสามารถจัดงานสังสรรค์ งานอิเวนต์ หรืองานแต่งงานได้ตั้งแต่ 30 – 300 คน และในอนาคต ภายในพื้นที่คาซ่ามาเร่ วางแผนจะจัดงาน “Art & Craft Weekend Club” โดยเชิญ Local Artist มาโชว์และขายผลงานของตัวเอง เป็นการสนับสนุนและมีส่วนร่วมให้กับคอมมูนิตี้ที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินธุรกิจด้วย โดยวางเป้าหมายให้คาซ่า มาเร่ เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาชะอำ-หัวหิน โดยพร้อมเปิดต้นเมษายนนี้ รับเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนชะอำ-หัวหิน
“ภายหลังจากคาซ่า มาเร่แล้ว ยังมีแผนที่จะต่อยอดขยาย F&B ด้วยการเปิดร้านขายขนมเล็กๆ ที่หัวหิน เป็นกึ่งคาเฟ่ เพราะเห็นช่องว่างในตลาดและมีทีมอยู่แล้ว ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ ”
ทั้งนี้เพื่อเน้นย้ำความเป็นแบรนด์ “วาลา” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Nature’s Touch with a Modern Design” จึงเพิ่มกิจกรรมต่างๆ ให้เด็กๆ และเปิดตัว คิดส์คลับ Wonder Woods สำหรับเด็กอายุ 2-12 ปี ในพื้นที่ 160 ตารางเมตร ที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากป่า พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมที่เด็ก ๆ สนุกไปกับการใกล้ชิดธรรมชาติ และทะเล มีพื้นที่กิจกรรมในร่ม เช่น โซนบ่อบอล และมินิสไลเดอร์ และกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อม Organic Farm ให้เด็กได้เรียนรู้วิถีธรรมชาติ การปลูกผัก เก็บไข่ไก่ เป็นต้น
“ต้นเมษายนนี้ บริษัทเตรียมพร้อมเปิด 3 บริการใหม่ ประกอบด้วย เซลา ซีแซงชัวรี่ สปา ชูคอนเซ็ปต์ ซีฮีลลิ่ง หรือ ทะเลบำบัด แห่งแรกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นทรีตเมนต์ การคัดสรรค์ผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการตกแต่งและบรรยากาศโดยรอบ เพื่อสร้างความแตกต่าง และทำให้ผู้มารับบริการสามารถผ่อนคลายอย่างแท้จริง ตั้งอยู่บริเวณโซนด้านหน้าโรงแรม เพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าจากภายนอกได้ด้วย ราคาทรีตเมนต์เดี่ยวเริ่มต้น 3,000 บาทและแพคเก็จราคา 8,000 บาทขึ้นไป เปิดบริการ 10 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม
อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดประเทศ ตลาดท่องเที่ยวที่หัวหิน-ชะอำ เริ่มมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นมาก โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นตลาดระยะใกล้ อาทิ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน มากกว่า 50% จากที่แต่เดิมฐานลูกค้าเป็นคนไทยกว่า 90% อย่างไรก็ตาม อีกตลาดหนึ่งที่ทางโรงแรมจะเน้นมากขึ้นในอนาคต คือตลาดยุโรปที่เป็นตลาดท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ซึ่งเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การบริการที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้ลูกค้าใช้เวลาที่โรงแรมมากขึ้น และบางกิจกรรมสามารถดึงดูดคนภายนอกเข้ามาใช้บริการทำให้รายได้โรงแรมเติบโตต่อเนื่องได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตามสำหรับ “กลุ่มเตชะไพบูลย์” ยังมีที่ดินในหัวหิน-ชะอำอีก 500 ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ว่าจะพัฒนาอะไรบ้างในระยะยาวโดยทั้งโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรมขนาด 100 ห้อง และร้านเบเกอรี่ขนมหวาน ล้วนอยู่ในแผนธุรกิจในอนาคตทั้งสิ้น
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE