การระบาดของโควิดผ่านพ้นไปหลายภาคธุรกิจเริ่มมีแนวโน้มสดใส โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวของไทยที่ฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายธุรกิจที่เกี่ยวเร่ิมเดินหน้าแผนงานเพื่อรองรับสัญญาณบวกทั้งภาคธุรกิจโรงแรม บริการ และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
เช่นเดียวกับ “เซ็นทารา” ธุรกิจโรงแรมภายใต้ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ของกลุ่มเซ็นทรัล ก็ได้มีการออกมาประกาศยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญในภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม กับเป้าหมายที่ต้องการก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายในปี 2570 ทำให้ “เซ็นทารา” วางกรอบการลงการลงทุนตลอดช่วง 3 ปีนี้ ( 2567- 2569) ด้วยงบประมาณกว่า 13,000-20,000 ล้านบาท ทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารในระยะยาวตั้งแต่การเปิดโรงแรมใหม่ รีโนเวทสาขาเดิม ไปจนถึงในกลุ่มธุรกิจอาหารที่จะเห็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในปีนี้
คุณธีระยุทธ์ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ CENTEL กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่เรามีกำไรสุทธิกว่า 760 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 10,900 ล้านบาท (รวมในส่วนของธุรกิจร่วมทุน) คืดเป็นการเติบโตว่า 50% หลังจากปี 2019 ที่ต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 แม้จะไม่มากนักถือว่าเป็นการเติบโตที่เกินเป้า แน่นอนตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปเราจะเดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับแนวโน้มการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวทั้งในไทยและต่างประเทศ
ขณะที่ปี 2567 นี้ประเทศไทยไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 35 ล้านคน โดยในช่วง 2 เดือนแรกมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วเฉลี่ย 3 ล้านคน แม้จะไม่เท่าในปี 2019 ที่มี 5 ล้านคน แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีเมื่อเทียบกับหลายปีก่อน โดยเฉพาะในเขตภาคใต้อย่าง ภูเก็ต กระบี่ และสมุย ส่วนจะมากน้อยขนาดไหน
ลุยเปิดโรงแรมใหม่ 6 แห่งทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้าโต 15% ปี 2567
จากแนวโน้มภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นดังกล่าว ทำให้งบประมาณการลงทุนกว่า 13,000-20,000 ล้านบาทตลอดช่วง 3 ปีนับจากนี้ ถูกแบ่งออกมาใช้ในการขยายธุรกิจเฉพาะส่วนของโรงแรมในปี 2567 ไว้กว่า 5,600 ล้านบาท ในการเตรียมเปิดให้บริการโรงแรมทั้งในและต่างประเทศเพิ่มทั้งหมด 6 แห่ง โดยแบ่งเป็น 3 แห่งในไทย, 2 แห่งในสปป.ลาว และ 1 แห่งในมัลดีฟส์ ได้แก่
- เซ็นทารา ไลฟ์ ละไม รีสอร์ท สมุย : จำนวน 40 ห้องเตรียมเปิดให้บริการในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567
- เซ็นทารา วิลลา เกาะพีพี : จำนวน 40 ห้อง เตรียมเปิดให้บริการไตรมาส 4/67
- เซ็นทารา ไลฟ์ สุราษฎร์ธานี : จำนวน 101 ห้อง เตรียมเปิดให้บริการไตรมาส 4/67
- โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ : เปิดให้บริการปลายเดือนมีนาคม 2567
- เซ็นทารา พลูมเมอเรีย รีสอร์ท ปากเซ
- เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ : กำหนดเปิดเดือนพฤศจิกายนปี พ.ศ. 2567 ถือเป็นโครงการส่วนแรกของเซ็นทาราบนเกาะสวรรค์ในมาเล่ อะทอลล์เหนือ หนึ่งในเกาะในกลุ่มมัลดีฟส์ที่มีความสวยงาม สามารถเดินทางเข้าถึงได้โดยง่ายด้วยสปีดโบ๊ทเพียง 30 นาที จากท่าอากาศยานนานาชาติ
นอกจากนี้ยังมีแผนรีโนเวทใหญ่โรงแรมในเครือ ได้แก่
- โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา จำนวน 553 ห้อง
- โรงแรมเซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต จำนวน 335 ห้อง
- และโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน ที่ได้ต่อสัญญาเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไปอีก 30 ปีอีกด้วย ซึ่จะใช้งบประมาณครั้งนี้ราว 1,700-2,000 ล้านบาท และจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2568 โดยจะใช้ระยะเวลาใยนการรีโนเวท 3-4 ปี
เน้นเพิ่ม Room Rate มากกว่า Occupancy Rate สร้างประสบการณ์การเข้าพักเจาะลูกค้าตลาดบน
ด้านคุณกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน กล่าวว่า นอกจากแผนขยายโรงแรมแห่งใหม่แล้ว อีกหนึ่งยุทธ์ศาสตร์การดำเนินงานของ “เซ็นทารา” ในการสร้างการเติบโตให้แก่โรงแรมในเครือ คือการโฟกัสไปที่การเพิ่มอัตราราคาค่าห้องพัก หรือ Room Rate มากขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 5,100 บาทต่อวัน ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5,500-6,000 บาทต่อวัน โดยไม่เน้นอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) มากนัก โดยวางเป้าหมายอัตราการเข้าพักในปีนี้ไว้ที่ 70-73% เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 71%
“นอกจากการขยายและรีโนเวทโรงแรมในปีนี้อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะโฟกัสคือการโฟกัสไปที่เรื่องของ Room Rate หรือการเพิ่มอัตราคาห้องพักมากขึ้น ผ่านการสร้างประสบการณ์ที่ดีในรูปแบบต่างๆในแต่ละโรงแรมในระดับ 4 ดาว 5 ดาว ไปจนถึงโรงแรมระดับลักชูรี่ เนื่องจากมองว่าการเน้นอัตราผู้เข้าพักมากจนเกินไปจะส่งผลต่อสภาพของโรงแรม”
พร้อมกันนี้ยังมีแผนจะรีแบรนด์ “เซ็นทารา บูติก คอลเลกชัน” ต่อเนื่องในปีนี้เช่นกัน หลังปีที่ผ่านมาได้มีการรีแบรนด์ เซ็นทาราได้ประกาศรีแบรนด์ “เซ็นทรา บาย เซ็นทารา” ให้เป็น “เซ็นทารา ไลฟ์” ในช่วงปลายปีที่แล้ว นอกจากนี้มีแผนจะขยายแบรนด์ในเครือทั้ง 6 แบรนด์ ออกสู่หลากหลายจุดหมายปลายทางทั้งในและต่างประเทศ อาทิ แผนขยายแบรนด์เซ็นทารา รีเซิร์ฟ และโรงแรมในธีมมิราจไปในไทย, มัลดีฟส์, ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย รวมถึงแผนการเซ็นสัญญาขยายเครือข่ายพันธมิตรในตลาดสำคัญๆ อย่างจีนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้วางเป้าหมายการเติบโตในกลุ่มธุรกิจโรงแรมปี 2567 ไว้ที่ 12,500 ล้านบาท (ร่วมโครงการ JV) หรือมีการเติบโตเพิ่มที่ 15% ก่อนที่ในไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2568 เซ็นทารามีแผนจะเปิดให้บริการ “โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” รีสอร์ทหรูขนาด 142 ห้องพักเป็นลำดับถัดไป
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE