“สตรีทฟู้ด” (Street Food) ไทยมีชื่อเสียงระดับโลก มีร้านอาหารดังอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หลายเมนูติดอันดับอาหารที่ดีที่สุดในโลก แต่ร้านอาหารระดับตำนานของไทย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอี จึงมีข้อจำกัดในการขยายธุรกิจ เนื่องจากขาดผู้สืบทอด หรือมีพ่อครัวแม่ครัวไม่เพียงพอที่จะขยายสาขา ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างเหมือนร้านอาหารใหญ่
กลุ่มดุสิตธานี โดย “ดุสิต ฟู้ดส์” จึงร่วมมือกับ “ฟาร์ม ทู เพลท” เปิดตัว “ปิ่นโตฮับ” (PintoHub) แพลตฟอร์มออนไลน์รวบรวมร้านอาหารดังและสตรีทฟู้ดของไทย มาเสิร์ฟในรูปแบบอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน (ready to eat) รสชาติเดียวกับร้านดังต้นตำรับ เปิดให้บริการทั่วประเทศ (เริ่มที่กรุงเทพฯ) โดยร่วมมือกับ Grab Food เป็นช่องทางสั่งอาหารและส่งถึงหน้าบ้าน
ทำความรู้จักแพลตฟอร์ม PintoHub
– “ดุสิต ฟู้ดส์” และ “ฟาร์ม ทู เพลท” ใช้เวลา 2 ปี ในการพัฒนาโปรเจกต์ “ปิ่นโตฮับ” ศูนย์รวมร้านดังเมนูเด็ด โดยคัดเลือกร้านอาหารดัง ที่มีเอกลักษณ์และรสชาติอาหารเฉพาะตัว รวมถึงเมนูโบราณ หากินยาก เฟสแรกมีร้านอาหารดังทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดร่วมโครงการ “ปิ่นโตฮับ” 21 ร้าน รวม 66 เมนู (เดือนมีนาคมนี้ เริ่มที่ 9 ร้าน)
– โดยเป็นร้านจากจังหวัดเชียงใหม่ 6 ร้าน ภูเก็ต 1 ร้านและกรุงเทพฯ 14 ร้าน เช่น บ้านยี่สาร อาหารไทย, ขาหมูเลิศรส, ก๋วยจั๊บกำลังภายใน, ข้าวพระรามลงสรง (เล้าโอว) , ข้าวซอยซอกกำแพงดิน, ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม, โจ๊กสดใส, ครัวจงจิต เป็นต้น
– “ปิ่นโตฮับ” จะทำงานร่วมกับเจ้าของร้านอาหาร เริ่มจากเลือกเมนูยอดนิยมของแต่ละร้าน มาพัฒนาสูตรและกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีรสชาติเหมือนต้นตำรับ แต่ละเมนูใช้เวลาพัฒนา 3-6 เดือน ใช้วัตถุดิบของแต่ละร้าน เพื่อให้ได้รสชาติเดียวกัน โดยร้านต้องเห็นชอบเรื่องรสชาติทุกเมนูก่อนจะนำไปผลิตที่ครัวกลาง (Central Kitchen)
– โดย “ฟาร์ม ทู เพลท” ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตอาหารตามสูตรร้านดัง ซึ่งเป็นการผลิตครั้งละจำนวนมากจากนั้น ส่งต่อไปยัง “จุดกระจายสินค้า” ที่จะทำหน้าที่อุ่น (ผัด ต้ม นึ่ง ทอด ตามสูตร) อาหารแต่ละเมนูก่อนจำหน่าย
– วิธีการนี้ทำให้ร้านอาหาร ไม่ต้องลงทุนขยายสาขาและไม่ต้องใช้พ่อครัวแม่ครัวของแต่ละร้านมาปรุงอาหาร (แตกต่างจากรูปแบบ Cloud Kitchen ที่ต้องมีพ่อครัวแม่ครัวไปปรุง) โดย “ฟาร์ม ทู เพลท” เป็นผู้ผลิตอาหารให้ตามสูตรร้านดัง แต่ละเมนูที่วางขายจะอยู่ภายใต้ชื่อร้านเดิมหรือเจ้าของแบรนด์นั้นๆ โดยทุกเมนูที่ขาย เจ้าของร้านจะรับส่วนแบ่งรายได้เป็นเปอร์เซนต์จาก “ปิ่นโตฮับ”
– แพลตฟอร์ม “ปิ่นโตฮับ” ทำให้ร้านอาหารสามารถขยายลูกค้าได้เพิ่มจากเดิมที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่และกำลังคน บางร้านดังไม่มีหน้าร้านแล้วก็ยังขายเมนูในตำนานได้ต่อไป โดยสามารถขายได้ทั่วประเทศ ส่วนผู้บริโภคก็สั่งซื้ออาหารจากร้านดังได้ทั่วประเทศ โดยสั่งซื้อจาก “ปิ่นโตฮับ” ใน Grab Food
– เดือนเมษายนนี้ “ปิ่นโตฮับ” จะเปิดจุดกระจายสินค้า 10 จุดในกรุงเทพฯ เช่น ศาลาแดง สุขุมวิท เลียบด่วน-รามอินทรา สุทธิสาร เพื่อรองรับการสั่งซื้อ
– จุดกระจายสินค้า จะเป็น Hybrid ทำหน้าที่เป็นจุดส่งอาหาร และเป็นหน้าร้านปิ่นโตฮับ มีที่นั่งรับประทานจำนวนหนึ่งหรือซื้อกลับบ้านได้ ทำเลที่เปิดจะอยู่ในแหล่งชุมชนทั้งพื้นที่ร้านสแตนด์อะโลนและสถานีบริการน้ำมัน นอกจากนี้จะมีรูปแบบ “คีออส” (Kiosk) ที่ลูกค้าสามารถซื้ออาหารกลับไปกินที่บ้านได้
– “ปิ่นโตฮับ” ที่สั่งซื้อผ่าน Grab Food จะคิดค่าส่งตามระยะทาง กรณีที่มีร้านอาหารร่วมกับ “ปิ่นโตฮับ” และเปิดร้านใน Grab Food ด้วย ลูกค้าสามารถเลือกสั่งซื้อได้จากร้านที่อยู่ใกล้สุด ซึ่งจะมีค่าส่งถูกที่สุด
– “ปิ่นโตฮับ” คาดว่าปี 2568 จะขยายจุดให้บริการ/สาขาผ่านช่องทางแฟรนไชส์ไปยังต่างจังหวัด โดยวางเป้าหมาย 50 จุดบริการ/สาขาในประเทศไทย ก่อนที่จะขยายแฟรนไชส์ “ปิ่นโตฮับ” ไปในต่างประเทศในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
คุณมณิศา มิตรไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า “ปิ่นโตฮับ” เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยคนตัวเล็กหรือธุรกิจอาหารเอสเอ็มอีของไทย ในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงสร้างซอฟท์ พาวเวอร์ ด้วยการต่อยอดขยายธุรกิจอาหารเอสเอ็มอีของไทยไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก ผ่านเครือข่ายของกลุ่มดุสิตธานีในต่างประเทศ
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE