ในช่วง 2-3 ปีมานี้ “อุตสาหกรรมเพลงไทย” มีความคึกคักและพัฒนาขึ้นมาก สะท้อนได้จากการมีค่ายเพลง ศิลปิน และวงดนตรีหน้าใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งศิลปินหลายคนยังสามารถพัฒนาฝีมือจนเป็นที่ยอมรับและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ซึ่งแน่นอนว่า นอกจากความสามารถและการฝึกฝนอย่างหนักแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้นักดนตรีก้าวสู่ความสำเร็จไม่แพ้กัน นั่นคือ การมีพื้นที่แสดงพลังทางดนตรี
โดยหนึ่งในเวทีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากคนในวงการทั้งในเรื่องคุณภาพและมาตรฐาน แม้จะแจ้งเกิดมาเพียง 3 ปี ก็คือ การประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ หรือ THE POWER BAND ของ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ซึ่งในปีนี้เดินทางมาถึง Season 4 แล้ว นอกจากจะสร้างสีสันให้กับวงการดนตรีแล้ว ยังเป็นพื้นที่ให้คนดนตรีได้ปล่อยของแบบไร้ขีดจำกัด มาปีนี้ คิง เพาเวอร์ จึงยกระดับ “ความเข้มข้น” ตลอดการแข่งขัน ภายใต้คอนเซ็ปท์ Let The Music Power Your World เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี เพื่อเฟ้นหาเมล็ดพันธุ์คนดนตรีคุณภาพมาประดับวงการเพลงมากขึ้น ซึ่งความเข้มข้นนี้คือ อะไร Brand Buffet พามาไขคำตอบกับ THE POWER BAND 2024 SEASON 4
ต่อยอดความเชื่อในพลังของคนไทยด้านดนตรี สู่เวทีปล่อยของแบบไร้ขีดจำกัด
หากเอ่ยถึง “คิง เพาเวอร์” เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงร้านค้าปลอดภาษีและอากร รวมไปถึงโรงแรมและโรงละคร แต่อีกมิติที่คิง เพาเวอร์ทำควบคู่มาตลอดเวลาคือ การส่งเสริมศักยภาพคนไทย ผ่านกิจกรรมใน 3 ด้านหลัก คือ กีฬา (Sport Power) ชุมชน (Community Power) และดนตรี (Music Power) โดย คุณอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฎิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บอกว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้คิง เพาเวอร์สนับสนุนคนไทยด้านดนตรี เริ่มมาจากความเชื่อในฝีมือของคนไทยด้านดนตรีไม่แพ้ชาติใดในโลก จึงต้องการดึงศักยภาพของนักดนตรีออกมาให้สามารถนำไปต่อยอดสร้างอาชีพได้ต่อไป
ทำให้ตั้งแต่ปี 2563 คิง เพาเวอร์ จึงร่วมกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ 6 ค่ายเพลงชั้นนำอย่าง Muzik Move, LOVEiS Entertainment, Small Room, What The Duck, Warner Music Thailand และ XOXO Entertainment จัดประกวด THE POWER BAND มาจนถึงปัจจุบัน โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มีคนดนตรีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่เข้ามาแสดงพลังทางดนตรีเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปีที่ผ่านมามีวงดนตรีเข้ามาแข่งขันกว่า 600 วง และนักดนตรีกว่า 1,000 คน ที่สำคัญกว่านั้นคือ มีหลายคนที่ได้ทำงานจริงในแวดวงดนตรี ทั้งทำงานกับค่ายเพลงและได้ขึ้นเวทีกับศิลปินระดับประเทศ
“ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเราค่อยๆ พัฒนารูปแบบการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้เป็นเวทีสำคัญให้คนดนตรีได้โชว์ศักยภาพของตัวเองออกมา และที่ผ่านมาเราได้เห็นความสามารถของน้องๆ รวมถึงคนที่เข้ามาประกวดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะช่วยจุดประกายให้คนที่มีใจรักดนตรีได้พัฒนาทักษะของตนเองให้ดีขึ้น พร้อมต่อยอดไปสู่การทำงานจริง” คุณอภิเชษฐ์ บอกถึงพัฒนาการของ THE POWER BAND ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และทำให้ในปีนี้ต้องการต่อยอดความเข้มข้นในการแข่งขันขึ้นไปอีกขั้น
ปรับกฎเกณฑ์ให้ “เข้ม” กว่าเดิม
แม้ THE POWER BAND จะจัดมา 3 ปี อาจจะเป็นน้องใหม่เมื่อเทียบกับเวทีประกวดดนตรีอื่นๆ แต่หัวใจที่ทำให้เวทีประกวดวงดนตรีสากลระดับประเทศของคิง เพาเวอร์ได้รับการตอบรับจากนักดนตรีต่อเนื่องทุกปี คือ ประสบการณ์ทางดนตรี และ รูปแบบการแข่งขันที่ปรับให้เข้ากับยุคสมัย ส่งผลให้ THE POWER BAND ในแต่ละซีซันมีความแตกต่าง ทั้งยังสอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมเพลงและนักดนตรีที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับการแข่งขันในปีนี้ที่มีการปรับรูปแบบให้เข้มข้นมากขึ้น โดย ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า การแข่งขันใน SEASON 4 นี้มีการปรับกฎเกณฑ์ใหม่ แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นมัธยมศึกษา สุดยอดวงดนตรีระดับมัธยมฯ (High School Class) และรุ่นบุคคลทั่วไป เส้นทางสู่ศิลปินมืออาชีพ (Professional Class : Road to Artist)
โดยผู้เข้าแข่งขันในรุ่นบุคคลทั่วไปสามารถนำ Data หรือ Backing Track มาใช้ในการแข่งขันรอบโซนนิ่งแสดงสด และรอบชิงชนะเลิศได้ด้วย เพราะต้องการสร้างบุคลากรเหล่านี้ให้สามารถต่อยอดไปสู่ศิลปินมืออาชีพได้จริง
อยากเห็น “ซุปตาร์” ไทยเฉิดฉายในเวทีโลก
นอกจากปรับกฎเกณฑ์การแข่งขันแล้ว Music Camp ยังมีความเข้มข้นกว่าเดิม นอกจากการถ่ายทอดเทคนิคและประสบการณ์ทางดนตรีจากผู้ที่อยู่ในวงการจริงแล้ว ปีนี้ยังเพิ่มเติมในเรื่องทักษะการแสดงบนเวที การเอ็นเตอร์เทนคนดู รวมไปถึงการจัดการชีวิตตัวเองในแง่การเป็นนักดนตรีมืออาชีพด้วย ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้ก้าวไปสู่มืออาชีพต่อไป
“ผมเชื่อว่าอุตสาหกรรมเพลงและดนตรีไทยยังสามารถเติบโตได้อีกมาก อย่างน้อยๆ เยาวชน และบุคคลทั่วไปที่เข้ามาแข่งขันจะได้พัฒนาความสามารถทางดนตรีให้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งที่เราอยากเห็นในระยะยาวคือ การได้เห็นซูเปอร์สตาร์จากเวที THE POWER BAND ได้แสดงศักยภาพในเวทีระดับโลก” คุณอภิเชษฐ์ ย้ำถึงเป้าหมาย
สำหรับน้องๆ นักดนตรีและบุคคลทั่วไปที่มีฝันและรักในเสียงดนตรี อย่ารอช้า เพราะโอกาสมาถึงแล้ว โดยวงที่ชนะเลิศจากการแข่งขันครั้งนี้ ไม่เพียงจะได้รับเงินรางวัล ยังได้ร่วมทำซิงเกิลและมิวสิควิดีโอกับโปรดิวเซอร์มืออาชีพอีกด้วย โดย THE POWER BAND 2024 SEASON 4 จะเปิดให้ออดิชันทั้งหมด 5 สนาม ที่กรุงเทพฯ ขอนแก่น เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี และนครปฐม สามารถสมัครเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 2 สิงหาคม 2567 ผ่านเว็บไซต์: www.music.mahidol.ac.th/thepowerband