HomeBrand Move !!‘เวิร์คพอยท์’ จัดทัพ 5 ธุรกิจใหม่กลุ่ม Non-TV เสริมรายได้โฆษณาทีวีดิจิทัล

‘เวิร์คพอยท์’ จัดทัพ 5 ธุรกิจใหม่กลุ่ม Non-TV เสริมรายได้โฆษณาทีวีดิจิทัล

แชร์ :

หากดูแนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาทีวี จะเห็นได้ว่า “ลดลง” อย่างต่อเนื่อง ปี 2566 เป็นปีแรกที่สัดส่วนต่ำกว่า 50% คืออยู่ที่ 49% สมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) คาดการณ์ปี 2567 จะลดลงไปอีกคือ สัดส่วนอยู่ที่ 46% ของอุตสาหกรรมโฆษณามูลค่า 114,447 ล้านบาท โดยมีสื่อออนไลน์ (ดิจิทัล) เข้ามาแย่งเม็ดเงินโฆษณา

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การถดถอยของงบโฆษณาทีวี ทำให้ช่อง “ทีวีดิจิทัล” ที่มีรายได้หลักจากโฆษณา ต้องปรับทัพสร้างแหล่งรายได้ใหม่เพื่อบาลานซ์พอร์ตโฟลิโอ ไม่ให้ลดลงไปตามแนวโน้มโฆษณาทีวี

“เวิร์คพอยท์” เป็นหนึ่งในช่องทีวีดิจิทัล ที่ปรับตัวขยายธุรกิจที่เชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากสื่อทีวี เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ทดแทนโฆษณาทีวีที่รายได้และกำไรลดลง ตามภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณา

หากดูผลการดำเนินงาน “เวิร์คพอยท์” ปี 2566 เห็นว่า “กำไรสุทธิ” อยู่ที่ 13.48 ล้านบาท ลดลง 92% จาก 171 ล้านบาทในปี 2565 ขณะที่รายได้อยู่ที่ 2,421 ล้านบาท (ไม่รวมรายได้อื่น) ลดลง 1%

เจาะรายได้เวิร์คพอยท์ ปี 2566

– รายได้ธุรกิจทีวี จำนวน 1,896 ล้านบาท ลดลง 9% ตามภาพรวมการลดลงของเม็ดเงินโฆษณาทีวี จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

– รายได้จากการรับจ้างจัดงานอิเวนต์ จำนวน 158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%

– รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและละครเวที จำนวน 291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% จากจำนวนคอนเสิร์ตและละครเวทีเพิ่มขึ้น เช่น คอนเสิร์ต JAYB World Tour 2023 in Bangkok, ENHYPEN Concert 2023, IVE Fancon in Bangkok และ (G)I-DLE Concert in Bangkok 2023 เป็นต้น

– รายได้จากการขายสินค้าและบริการอื่นๆ คือ จากการบริหารพื้นที่โรงละคร การจัดหานักแสดง การขายสินค้าและบริการ จำนวน 73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%

ย้อนดูรายได้-กำไร “เวิร์คพอยท์

– ปี 2562 รายได้ 2,835 ล้านบาท กำไรสุทธิ 159 ล้านบาท

– ปี 2563 รายได้ 2,336 ล้านบาท กำไรสุทธิ 159 ล้านบาท

– ปี 2564 รายได้ 2,312 ล้านบาท กำไรสุทธิ 324 ล้านบาท

– ปี 2565 รายได้ 2,510 ล้านบาท กำไรสุทธิ 171 ล้านบาท

– ปี 2566 รายได้ 2,495 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13 ล้านบาท

จัดทัพ 5 ธุรกิจ Non -TV ปั้นรายได้ใหม่

คุณชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัล บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าที่ผ่านมา “เวิร์คพอยท์” ได้ขยายธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Non-TV อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ประโยชน์และ Synergy กับสื่อทีวี ปัจจุบันมี 4 ธุรกิจหลัก ปีนี้เตรียมเปิดอีก 1 ธุรกิจ ดังนี้

1. ธุรกิจอิเวนต์ จัดคอนเสิร์ตทั้งไทยและต่างประเทศ ปีที่ผ่านมาเป็นธุรกิจที่เติบโตจากการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลี โดยภาพรวมการจัดคอนเสิร์ตทั้งไทยและต่างประเทศปี 2566 มีมูลค่าเม็ดเงิน 6,000-8,000 ล้านบาท เป็นศิลปินต่างชาติ 60% และศิลปินไทย 40%

2. ธุรกิจคอนเทนต์ออนไลน์ โดยเข้าไปลงทุนซื้อหุ้น บริษัท โคตรคูล จำกัด (KK) ที่ก่อตั้งโดย “โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน” นักร้อง นักแสดง ดีเจ ยูทูบเบอร์ ด้วยเงินลงทุน 216 ล้านบาท ถือหุ้น 49% ซึ่ง “โคตรคูล” เป็นบริษัทผลิตและออกอากาศรายการในช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม

3. ธุรกิจบริหารศิลปิน และค่ายเพลง เช่น ค่ายเพลง XOXO Entertainment ซึ่งเป็นค่ายเพลง T-POP มีศิลปินในสังกัด เช่น 4EVE, ATLAS, หวาย ปัญญริสา, แจ๊ค จารุพงศ์ หลังเปิดตัวค่ายเพลงแนวที-ป๊อป ครั้งแรกในช่วงปลายปี 2563 ได้สร้างกระแสดังให้ศิลปิน ที-ป๊อป ปัจจุบันมีค่ายเพลงที-ป๊อปเปิดใหม่กว่า 20 ค่าย

4. ธุรกิจภาพยนตร์ ช่วง 2 ปีก่อน ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรสร้างภาพยนตร์ เช่น ร่วมทุนกับทีมผู้ผลิตหนังเปิดบริษัท Jungka ร่วมทุนกับ “เอ็ม สตูดิโอ” สร้างหนังรายโปรเจกต์ ที่ผ่านมาหนังที่เวิร์คพอยท์ เข้าร่วมลงทุนได้รับความนิยมจากผู้ชม เช่น อีเรียมซิ่ง, ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก, ไบค์แมน 2 เป็นต้น

5. ปีนี้มีแผนขยายอีก 1 ธุรกิจใหม่ ที่จะเข้ามาใช้ประโยชน์และ Synergy กับสื่อทีวี เพื่อเติบโตไปด้วยกัน

หลังขยายธุรกิจในกลุ่ม Non-TV มาต่อเนื่อง ช่วง 2 ปีที่ผ่านเริ่มเห็นรายได้เติบโตสูง ในปี 2566 กลุ่มนี้มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 25% ของรายได้รวม หลังจากขยายครบทั้ง 5 ธุรกิจในปีนี้ วางเป้าหมายในอีก 2-3 ปีจากนี้จะมีสัดส่วนรายได้เป็น 50% เพื่อเป็นการบาลานซ์รายได้กับโฆษณาทีวี สร้างโอกาสเติบโตทั้งรายได้และกำไนให้เวิร์คพอยท์

ร่วมทุน M Studio ตั้งโฮลดิ้งให้ทุนสร้างหนัง

คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม สตูดิโอ จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันแนวโน้มธุรกิจที่ขยายตัวได้ดี คือ ธุรกิจภาพยนตร์ โดยเฉพาะหนังไทย เห็นได้จากปี 2566 เป็นปีแรกที่หนังไทยทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 55% สูงกว่าหนังฮอลลีวูด ที่สัดส่วน 45% ของมูลค่าอุตสาหกรรมหนังที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์

ปัจจัยหลักมาจากมีหนังทำรายได้สูงมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยไตรมาสสุดท้ายปี 2566 หนังไทย 3 เรื่อง ทำรายได้รวมกันกว่า 1,400 ล้านบาท ได้แก่ 1.สัปเหร่อ รายได้ 700 ล้านบาท 2. ธี่หยด รายได้ 500 ล้านบาท และ 3. 4 Kings รายได้ 200 ล้านบาท

ปี 2567 หนังไทยยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง จากผู้ผลิตใช้เงินลงทุนสร้างหนังคุณภาพมากขึ้น มีโอกาสทำรายได้แตะหลัก 100 ล้านบาท ในสัปดาห์แรกที่เข้าฉาย จากจำนวนโรงหนังทั่วประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่นิยมดูหนังไทย

คุณชลากรณ์ กล่าวว่า “เวิร์คพอยท์” จึงร่วมทุนกับ M Studio ในเครือเมเจอร์ฯ ก่อตั้งเป็นบริษัท Karman Line (คาร์แมนไลน์) ถือหุ้นเท่ากัน 50 : 50 ทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท โดยเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ทำหน้าที่ลงทุนและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทย รวมทั้งช่วยบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ให้กับผู้ผลิต และทำงานกับพาร์ทเนอร์ในรูปแบบต่างๆ

โดยมี Jungka Studio (จังก้า สตูดิโอ) ในเครือเวิร์กพอยท์ เป็นโปรดิวเซอร์และผู้ผลิตหลัก รวมทั้งเปิดรับผู้ผลิต นักเขียนบท ผู้กำกับ ที่ต้องการสร้างหนังและต้องการแหล่งเงินทุน เพื่อร่วมกันผลักดันหนังไทยเติบโต “คาร์แมนไลน์” ตั้งเป้ารายได้ 150-300 ล้านบาท/ปี

ในปีนี้ “คาร์แมนไลน์” และ Jungka Studio เปิดตัวหนังไทย 3 เรื่อง ได้แก่ 1. อนงค์ (My Boo) ภาพยนตร์ Romantic-Comedy-Horror จากผู้กำกับ “เอส-คมกฤษ ตรีวิมล” (เจ้าของผลงาน แฟนฉัน เพื่อนสนิท สายลับจับบ้านเล็ก) นำแสดงโดย โบ-เมลดา สุศรี, จี๋-สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร เข้าฉาย 1 พฤษภาคม 2567

2. ศึกค้างคาวกินกล้วย แนวพีเรียด-คอมมิดี้ กำกับโดย เจแปน-ภาณุพรรณ จันทนะวงศ์ และกฤษณะ จิตรเนาวรัตน์ ผลิตโดย “รฤก สตูดิโอ” นำแสดงโดย เก้า-จิรายุ ละอองมณี, พีช-พชร จิราธิวัฒน์, โจริญ คำภีรพันธุ์ (โจริญ 4EVE) และ 3. คุณชาย (The Cliche) ภาพยนตร์ Tragedy-Comedy ที่ดัดแปลงจากละครเวที “ชายกลาง เดอะมิวสิคัล” นำแสดงโดย จ๋าย อิชณน์กร (จ๋าย TaitosmitH), ศิลปิน 4EVE, สัญญา คุณากร กำกับโดย ชัชวาล วิศวบำรุงชัย

ปี 2568-2569 มีแผนเปิดโปรเจกต์ภาพยนตร์ต่อเนื่อง อีกไม่น้อยกว่า 5 เรื่อง เช่น God Skin โดย กอล์ฟ ปวีณ, The Stone โดย เป้ อารักษ์, Super Dad โดย รัฐพล จันทรรวงทอง, “เรวัช” ที่สร้างจากเรื่องเล่าของนายตำรวจชื่อดัง และ พ่อฮะบ้านเรามี…! โดย รฤก สตูดิโอ และ ยอร์ช ฤกษ์ชัย

“เชื่อมั่นว่า คาร์แมนไลน์ จะเป็นบริษัทลงทุนและจัดจำหน่ายในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยน้องใหม่ ที่จะสร้างสีสันและการเติบโตให้หนังไทยและเวิร์คพอยท์”

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE

อ่านเพิ่มเติม


แชร์ :

You may also like