ธนาคารกรุงเทพ รายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2567 ระบุเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคบริการตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนอันเป็นผลมาจากนโยบายการยกเลิกวีซ่า อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของไทยยังคงชะลอตัวตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่อ่อนตัวลง การใช้จ่ายภาครัฐที่ยังหดตัว ทั้งในด้านรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายประจำของรัฐบาลกลาง จากการที่งบประมาณประจำปี 2567 ยังคงไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ผลกระทบจากธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
และเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวชะลอลงจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์และความขัดแย้งทางการค้าและเทคโนโลยีกับสหรัฐฯ ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ความขัดแย้งทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์โลก รวมถึงความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากบริบทโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล การเปลี่ยนแปลงนโยบายและกฎเกณฑ์ของทางการ และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ที่กระทบการดำเนินธุรกิจ ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ยังคงมุ่งเน้นให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ โดยส่งเสริมการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนการสร้างพันธมิตรในระบบนิเวศทางธุรกิจ และการลงทุนใหม่ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ธนาคารพร้อมสนับสนุนลูกค้าให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในการขยายกิจการไปยังต่างประเทศเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวน 10,524 ล้านบาท
ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวน 10,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 จากไตรมาส 4 ปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินรับฝากเพิ่มขึ้นตามการทยอยปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากเมื่อครบกำหนด ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 3.06 ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการลงทุน ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากบริการประกันผ่านธนาคารและกองทุนรวมเติบโตดีจากไตรมาสก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 47.1 ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 8,582 ล้านบาท ภายใต้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า