หลังมีประเด็นว่า TikTok เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกามานาน และอาจมีส่วนให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังทางการจีน ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐอเมริกาสมัยประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ก็ได้ลงนามในกฎหมายสำหรับจัดการกับ TikTok แล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวเปิดทางเลือกให้กับบริษัทแม่อย่าง ByteDance ผู้พัฒนา TikTok เพียงสองทาง นั่นคือ ขายกิจการให้กับบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ที่รัฐบาลเห็นชอบ หรือถูกแบนออกจาก App Store เพื่อไม่ให้คนอเมริกันเข้าถึงได้อีกต่อไป
สำหรับการลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยให้เวลากับ ByteDance 270 วันในการขายกิจการ หรือไม่ก็ถูกแบนออกจาก App Store ของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ซีอีโอของ TikTok อย่าง Shou Chew ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ออกมาทำคลิปตอบโต้ทันทีว่า TikTok จะไม่ไปไหนทั้งนั้น รวมถึงมองว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นการละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกของชาวอเมริกัน 170 ล้านคนที่ติดตั้งแอปพลิเคชันด้วย
ครีเอเตอร์ TikTok ร่วมประท้วง
ในมุมของครีเอเตอร์พบว่ามีบางส่วนออกมาประท้วงรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยให้เหตุผลว่า TikTok เปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กและครีเอเตอร์ได้เติบโต ซึ่งพวกเขาไม่มั่นใจว่า หาก TikTok ต้องปิดตัว หรือเปลี่ยนมือไปยังเจ้าของใหม่ จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาต่อไป
นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาจาก Oxford Economics ระบุว่า มีชาวอเมริกาใช้ TikTok สร้างรายได้มากถึง 2.24 แสนรายในปี 2023 และมีการสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มราว 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในผลการศึกษาดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่ใช้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มในการเติบโตและขยายธุรกิจนั้น จ่ายภาษีให้กับรัฐบาลอเมริกันรวม 5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023 และนำไปสู่การจ้างงาน 59,000 ตำแหน่งในปี 2023 ด้วย
คาดใช้เวลาหลายปีกว่าจะแบนสำเร็จ
อย่างไรก็ดี มีการวิเคราะห์ว่าความพยายามในการแบน TikTok ออกจากสหรัฐอเมริกานี้ยังต้องอาศัยเวลาอีกนานหลายปีกว่าจะบรรลุผล เนื่องจากเงื่อนไขต่าง ๆ ที่มีการระบุเอาไว้ เช่น การให้เวลา ByteDance 9 เดือนในการหาผู้ซื้อรายใหม่ หรือหาก ByteDance ยื่นอุทธรณ์ เวลาที่จะถูกบังคับใช้จากกฎหมายนี้ก็จะต้องหยุดลงด้วยเช่นกัน จนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน ซึ่งทำให้การแบน TikTok นั้นไม่สามารถสำเร็จลงได้ในเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน