“KFC มาเลเซีย” ประกาศปิดให้บริการเป็นการชั่วคราวนับร้อยสาขาแล้ว โดยเฉพาะในย่านที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่หนาแน่น เช่น รัฐกลันตัน – รัฐตรังกานู ฯลฯ โดยทางแบรนด์ให้เหตุผลว่ามาจากความท้าทายทางเศรษฐกิจ ในขณะที่สื่อตะวันตกรายงานว่าการปิดร้านสาขาครั้งนี้เป็นผลจากการถูกคว่ำบาตรโดยผู้บริโภคในประเทศ ที่ตัวแบรนด์มีความเชื่อมโยงกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และทำให้มีชาวมุสลิมเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ สิ่งที่ทาง KFC มาเลเซียแจ้งเพิ่มเติมคือ ได้ย้ายพนักงานในสาขาที่ได้รับผลกระทบไปยังสาขาอื่นแล้ว แต่ไม่มีการระบุว่า บริษัทประกาศปิดไปทั้งหมดกี่สาขา ซึ่งการตรวจสอบในเวลานี้จึงต้องทำผ่าน Google Maps ด้วยการเข้าไปค้นหาสาขาที่ปิดให้บริการแทน
ขณะที่ข้อมูลจากรายงานของบริษัท QSR Brands ซึ่งเป็นเจ้าของและดำเนินกิจการแฟรนไชส์ KFC ในมาเลเซีย พบว่า KFC มาเลเซียมีพนักงานประมาณ 18,000 คน โดย 85% เป็นชาวมุสลิม
การคว่ำบาตรในลักษณะดังกล่าวของผู้บริโภคในมาเลเซียไม่ได้เกิดกับ KFC เพียงรายเดียว แต่ยังเกิดกับ McDonald’s และ Starbucks ด้วย เนื่องจากมองว่าเป็นแบรนด์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ประเทศอิสราเอลในการโจมตีฉนวนกาซา และทำให้มีชาวปาเลสไตน์ เสียชีวิตจากความขัดแย้งครั้งนี้หลายหมื่นชีวิต