การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในประเทศไทย จากการไม่มีบริษัทเอกชนรายใดซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสด เพราะฟุตบอลโลกเป็นหนึ่งในรายการกีฬา ที่ กสทช. จัดให้อยู่ใน กฎ Must Have ใครได้ลิขสิทธิ์มาต้องถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีให้ดูฟรี
การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final) ปี 2022 ประเทศกาตาร์ ที่ไม่มีเอกชนซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสด ทำให้ กสทช. ต้องใช้งบประมาณจาก กองทุน กทปส. มาสนับสนุน 600 ล้านบาท เพื่อร่วมซื้อลิขสิทธิ์กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มาถ่ายทอดสดให้ดูฟรี
จากปัญหาดังกล่าวในการประชุมบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ได้มีมติเอกฉันท์ 7:0 ยกเลิก “ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย” ออกจากกฎ Must Have รายการกีฬาที่ต้องมีถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีให้ประชาชนดูฟรีทั่วประเทศ โดยมีผลทันที
สำหรับประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 หรือกฎ Must Have
สาระสำคัญของกฎ Must Have คือ กำหนดให้ 7 รายการกีฬาสำคัญ เผยแพร่ทางฟรีทีวี (ทีวีดิจิทัล) เพื่อให้ประชาชนรับชมฟรี ดังนี้
1. การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final)
2. การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ (SEA Games)
3. การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ (Asian Games)
4. การแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ (ASEAN Para Games)
5. การแข่งขันเอเชียนพาราเกมส์ (Asian Para Games)
6. การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games)
7. การแข่งขันกีฬาพาราลิมปิก (Paralympic Games)
กฎ Must Have เป็นประกาศที่กำหนดให้รายการกีฬา 7 ประเภท ดังกล่าว หากมีผู้ได้รับสิทธิให้นำมาออกอากาศในประเทศไทย ต้องนำทั้ง 7 รายการ มาเผยแพร่ผ่านฟรีทีวี (ทีวีดิจิทัล) เป็นอันดับแรก และจะมีผลต่อเนื่องทำให้ทั้ง 7 ประเภทรายการแข่งขัน ก็จะถูกนำสัญญาณไปออกอากาศผ่านระบบดาวเทียม เคเบิล และ IPTV ภายใต้ กฎ Must Carry
ตามมติบอร์ด กสทช. ล่าสุด ได้ตัดรายการ การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายออกจาก Must Have ดังนั้นหากเอกชนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกมาถ่ายทอดสดในประเทศไทย สามารถบริการจัดการถ่ายทอดสดได้โดยไม่ต้องถ่ายทอดสดให้ดูฟรีครบทุกแมทช์
รูปแบบนี้จะทำให้ผู้ซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาที่มีผู้สนใจรับชม อย่าง ฟุตบอลโลก สามารถหารายได้หลายช่องทาง เช่น การให้ดูฟรีบางส่วนทางฟรีทีวี เพื่อหารายได้จากโฆษณา และขายแพ็คเกจเพิ่มเติมหากต้องการดูทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดนั่นเอง
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE