สะเทือนตลาดกาแฟไม่น้อย เมื่อ โอสถสภาฯ ซุ่มเงียบบส่ง M-150 บุกตลาดกาแฟแบบ 3 in 1 เปิดตัวน้องใหม่ “กาแฟ M-150 (3in1)” มาพร้อมจุดเด่นผสมวิตามินบี 12 ต่อยอดพอร์ตเครื่องดื่มลุยเจาะตลาดแมส ย้ำภาพเจ้าแห่งคาเฟอีนตัวจริง
ซุ่มเงียบทำตลาดตั้งแต่ปีที่ผ่านมาสำหรับกาแฟ M-150 แบบ 3in1 ที่โอสถสภาฯ เปิดตัวออกมาทำตลาด เพื่อเจาะเซกเมนต์กาแฟสำเร็จรูปที่กำลังเติบโตได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะ เบื้องต้นการทำตลาดของแบรนด์ยังคงเน้นที่ช่องทางออนไลน์ ร้านค้าทั่วไป (เทรดดิชันนอลเทรด) จนถึงร้านค้าส่งเป็นหลัก โดยจำหน่ายในราคา 1 แพ็ค 10 ซอง 45 บาท หรือจำหน่ายราคาปลีกที่ซองละ 5 บาท ซึ่งเป็นราคาในระดับเดียวกันกับกาแฟซอง 3 in 1 แบรนด์อื่นๆในท้องตลาด
ด้วยสโลแกน “ขายง่าย กำไรดี” บนแพ็คเกจจิ้ง ที่มาพร้อมดีไซน์โลโก M-150 แบบจัดเต็ม ทำให้ประเมินได้ว่าโอสถสภาต้องใช้สินค้าใหม่ในการเจาะฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ของแบรนด์นั่นก็คือ ตลาดแมส และคนใช้แรงงาน โดยอาศัยฐานลูกค้าของแบรนด์ M-150 (ชูกำลัง) มาเป็นตัวดึงความสนใจลูกค้า
ขณะเดียวกันก็ยังใช้ความคุ้มค่า คุ้มราคา มาเป็นอาวุธสำคัญในช่องทางร้านค้าส่งถึงโดยบางแห่งจำหน่ายเพียง 1 แพ็ค 10 ซอง ราคา 39 บาท (หรือเฉลี่ยซองละ 3.9 บาท) จึงทำให้ช่องทางร้านค้าส่ง คืออีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่แบรนด์จะทำตลาดควบคู่กันไป
รับเทรนด์ผู้บริโภคนิยมดื่มกาแฟในบ้านมากขึ้น
เมื่อส่องอุตสาหกรรมกาแฟเมืองไทยปีที่ผ่านมา (ยูโรมอนิเตอร์) พบว่า มูลค่าตลาดรวมกาแฟเมืองไทยมีมูลค่า 60,000 ล้านบาท เติบโต 9.9% แบ่งออกเป็น 2 ตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดกาแฟนอกบ้าน 27,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 9.5% และตลาดกาแฟในบ้าน หรือ Home Coffee มีมูลค่าอยู่ที่ 33,000 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 12%
ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของตลาดกาแฟในบ้านยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ที่ประชาชนหันกลับมาใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น และเริ่มเคยชินกับการทำกิจกรรมต่างๆ ที่บ้านจึงนิยมชงกาแฟรับประทานเองที่บ้านมากขึ้น
และหากแบ่งย่อยออกในตลาดกาแฟจะพบว่าประกอบไปด้วย 3 เซกเมนต์หลัก ได้แก่
- ตลาดกาแฟแบบชงสดหน้าร้าน มูลค่า 27,000 ล้านบาท
- ตลาดกาแฟปรุงสำเร็จชนิดผง 19,000 ล้านบาท
- ตลาดกาแฟบรรจุกระป๋องพร้อมดื่ม 14,00 ล้านบาท
จากตัวเลขดังกล่าวจะพบวาตลาดกาแฟปรุงสำเร็จรูปชนิดผง ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองเพียงตลาดกาแฟแบบชงสดหน้าร้านเท่านั้น ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง โอสถสภาฯ เล็งเห็นถึงโอกาสทางการเติบโตจึงได้ชิมลางเข้ามาทำตลาดดังกล่าว แน่นอนหากไปได้ดีผู้บริโภคก็จะได้เห็นกาแฟ M-150 3 in 1 ปูพรมทำตลาดแบบจริงจังไม่แพ้แบรนด์อื่นๆในค่ายอย่างแน่นอน
เปิดพอร์ต M-150 ที่ไม่ได้มีดีแค่ “ชูกำลัง” เพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตามภายใต้แบรนด์ M-150 มีสินค้าในพอร์ตแล้วทั้งสิ้น 4 แคธิกอรี่ ประกอบไปด้วย
- เครื่องดื่มชูกำลัง M-150 เปิดตัวเมื่อปี 2528 ปัจจุบันครองความเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 49 %
- กาแฟกระป๋อง M-150 (M-Presso Double Shot) เปิดตัวเมื่อปี 2561 เน้นเจาะลูกค้าในตลาดแมส ราคา 15 บาท/กระป๋อง
- เครื่องดื่มผสมคาเฟอีนอัดก๊าซ M-150 (M-150 SPARKLING ENERGY) เปิดตัวในปี 2566 โดยเน้นเจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศเป็นกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ในประเทศที่มีขนาดใหญ่และเติบโตสูง
- กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เข้าไป Collab กับพันธมิตร ในการทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น M-150 X ปีโป้ เปิดตัวปีโป้กลิ่น M-150 ในปี 2564 และการ จับมือกับ บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด เปิดตัวหมากฝรั่งลอตเต้กลิ่น M-150 ในปี 2566
ดังนั้นการเปิดตัวกาแฟ 3 in 1 จึงเป็นการเพิ่มพอร์ตโฟลิโอของสินค้าให้หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้นไปอีกสเต็ป อีกทั้งยังเป็นการสร้าง New S Curv การเติบโตให้แก่แบรนด์หลังจากที่มีสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มหลัก ๆ แล้ว อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานผู้บริโภคโดยใช้ฐานในตลาดแมสของแบรนด์ M-150 ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วมาเป็นเป้าหมายหลัก
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE