บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เดินหน้ากลยุทธ์ House Brand นำสินค้าแบรนด์ไปรษณีย์ไทยจัดจำหน่ายและส่งตรงถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ “สินค้าตราไปร” ซึ่งประกอบไปด้วยข้าวสารตราไปร จากแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิชั้นเลิศ จ.สุรินทร์ น้ำดื่มตราไปร (PRAi Water) น้ำดื่มคุณภาพที่ผลิตจากแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ และไปรคอฟฟี่ กาแฟสำเร็จรูปจากกาแฟอะราบิกาแท้ 100% ไม่มีคอเลสเตอรอล โดยผู้ที่สนใจสินค้าตราไปร สามารถซื้อได้ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ รวมถึงเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ThailandPostMart.com
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เผยว่า ไปรษณีย์ไทยได้พัฒนาสินค้า House Brand ภายใต้ชื่อ “สินค้าตราไปร” ซึ่งเป็นการนำทรัพยากร และศักยภาพของเครือข่ายไปรษณีย์ที่ครอบคลุมกว่า 30,000 แห่ง และบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คน ที่พร้อมให้บริการตลอด 365 วัน นำข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าทั้งในเรื่องพื้นที่ สินค้าที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ และสินค้าจากแหล่งผลิตที่มีคุณภาพดีมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมจำหน่ายในที่ทำการไปรษณีย์ การขายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงบริการขนส่งที่รวดเร็วและพร้อมส่งให้ถึงมือคนไทยทั่วประเทศ ทั้งนี้ “สินค้าตราไปร” ได้คัดสรรสินค้าคุณภาพดีมานำเสนอให้ผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมี 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
- น้ำดื่มตราไปร (PRAi Water)น้ำดื่มคุณภาพที่ผลิตจากแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติบรรจุขวด มี 3 ขนาด ได้แก่ ขนาด 350 ml ราคา 45 บาท/แพ็ก ขนาด 600 ml และ 1,500 ml ราคา 50 บาท/แพ็ก
- ข้าวสารตราไปร ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิสุรินทร์แท้ 100% เมล็ดสวย หอม นุ่ม หุงแล้วขึ้นฟู บรรจุถุงละ 5 กิโลกรัม ราคา 200 บาท
- ไปรคอฟฟี่กาแฟสำเร็จรูป (PRAi Coffee) กาแฟสำเร็จรูปจากกาแฟอะราบิกาแท้ 100% ไม่มีคอเลสเตอรอล มีจำหน่าย 2 สูตร ได้แก่ สูตร 3-in-1 หอมกรุ่น รสชาตินุ่มละมุนลิ้น ราคา 130 บาท และกาแฟดำสูตรผสมสมุนไพรเพื่อสุขภาพ โดยสูตรดังกล่าวประกอบด้วย ผงดอกคำฝอย สารสกัดใบแปะก๊วย สารสกัดเห็ดหลินจือ และผงเถาวัลย์เปรียง ในราคาเพียง 150 บาท
“สินค้าตราไปร พัฒนาขึ้นภายใต้เป้าหมายของไปรษณีย์ไทยที่มีความมุ่งมั่นคัดสรรของดีและส่งให้คนไทยได้บริโภค เห็นได้จากการพัฒนาแพลตฟอร์มไทยแลนด์โพสต์มาร์ทที่รวบรวมสินค้าของดีกว่า 15,000 รายการมาไว้บนช่องทางออนไลน์ การส่งเสริมสินค้าชุมชนภายใต้โครงการไปรษณีย์เชื่อมสุข และยังสอดคล้องกับกระแสของผู้บริโภคชาวไทยที่หันมาเลือกซื้อสินค้า House Brand เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความพรีเมียม ราคาที่เอื้อมถึงง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับชุมชนที่เป็นแหล่งกำเนิดวัตถุดิบได้อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย”