บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตอกย้ำแบรนด์ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมเพื่องานก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่งครบวงจรตั้งแต่ฐานรากจนถึงหลังคา ด้วยสินค้าครบครอบคลุม ตอบโจทย์การใช้งานในทุกหมวดผลิตภัณฑ์ เพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัว ต่อยอดความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในงานสถาปนิก’67 (ASA EXPO 2024) เปิดโลกแห่งแรงบันดาลใจ จัดเต็มกับงานดีไซน์ “Jorakay Pavilion 2024” ผ่าน Collective Language ด้วยแรงบันดาลใจจาก Grid System มาสร้างสรรค์เป็น Diagram ใหม่ ที่สะท้อนความเป็น “Jorakay Expert” พบสุดยอดผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างยุคใหม่ นำเสนอผ่าน 4 คลัสเตอร์ “JORAKAY EXPERT – FLOORING INNOVATION – EXPERT SOLUTIONS, EXPERT RESULTS – SEE JORAKAY” พร้อมเปิดแผนกลยุทธ์รุกตลาดปี 2567 ชูแนวคิดการผลิตที่ใส่ใจและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เดินหน้าขยายฐานรุกตลาดกลุ่มเคมีก่อสร้างและสีจระเข้ที่มีแนวโน้มเติบโต ตั้งเป้ายอดขายโต 4,100 ล้านในปี 2567
นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมธุรกิจของจระเข้กลุ่มสินค้าอันอับ 1 ของเรา ยังคงเป็นกลุ่มกาวซีเมนต์และกาวยาแนวที่ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 มาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวปี 2566 มีมูลค่า 4,000-4,500 ล้านบาท และบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์มากกว่า 50% โดยปัจจุบันเราต้องการสร้างการรับรู้ให้กลุ่มลูกค้าว่าจระเข้ไม่ได้มีดีแค่ผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์หรือยาแนวเท่านั้น แต่เรามีทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบ พร้อมจบทุกเรื่องงานก่อสร้างครอบคลุมการใช้งานก่อสร้างครบวงจรตั้งแต่ฐานรากไปจนถึงหลังคาโดยในงานสถาปนิก’67 ได้นำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ “Jorakay Expert” แบรนด์ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุก่อสร้าง โดยทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราล้วนผ่านกระบวนการคิดค้นและพัฒนาภายใต้สโลแกน “Innovation for your family’s happiness – นวัตกรรมก่อสร้างความสุขเพื่อคุณและครอบครัว”
ด้านนายจิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวเสริมว่า “เรามองเห็นแนวโน้มนวัตกรรมที่น่าสนใจในปี 2024 ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งในด้านของวัสดุ เทคนิคการก่อสร้าง การใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย เทรนด์ที่เราเห็นได้ชัดเลยคือผู้บริโภคยุคใหม่ยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อแลกกับสินค้าที่ดีต่อคุณภาพชีวิตและใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยจระเข้เดินหน้าพัฒนาสินค้าวัสดุก่อสร้างเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งาน โดยสินค้านวัตกรรมที่มาเปิดตัวในปีนี้คือ จระเข้ โรด ฟิกซ์ เอ็กซ์เพรส นวัตกรรมมอร์ตาร์สำหรับซ่อมแซมพื้นผิวถนนคอนกรีตชนิดปรับบาง สามารถเปิดใช้งานพื้นที่หลังซ่อมได้ภายใน 6 ชั่วโมง ช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการทำงาน พร้อมทั้งสามารถฉาบแต่งผิวได้บางถึง 2-5 มิลลิเมตร และใช้งานในพื้นที่ลาดเอียงได้โดยไม่ไหลตัว และที่สำคัญจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 97% เมื่อเปรียบกับการซ่อมแซมถนนแบบเก่า เรียกได้ว่าก้าวข้ามข้อจำกัดด้านเวลาและข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมในผลิตภัณฑ์เดียว”
นายวรพจน์ ตั้งมนัสวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึง ไฮไลต์ของ “Jorakay Pavilion 2024” ในงานสถาปนิก’67 มุ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็น “Jorakay Expert” ผ่านงานดีไซน์สุดยูนีค พร้อมผสานเทคโนโลยีมัลติมีเดียสร้างประสบการณ์การเยี่ยมชมบูธผ่านระบบ JORAKAY: Immersive Total Home Solution Experience พร้อม 4 คลัสเตอร์สำคัญ ได้แก่
- คลัสเตอร์ 1: JORAKAY EXPERT ที่เล่าเรื่องราวความสำเร็จในวงการก่อสร้างมากกว่า 32 ปี
- คลัสเตอร์ 2 : FLOORING INNOVATION โชว์นวัตกรรมงานพื้นของจระเข้ที่ตอบโจทย์ทั้งพื้นคอนกรีต พื้นที่อยู่อาศัย พื้นถนนและพื้นอุตสาหกรรม ครอบคลุมทุกฟังก์ชัน ไฮไลต์ของโซนนี้คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ จระเข้ โรด ฟิกซ์ เอ็กซ์เพรส ที่มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษเปิดใช้งานได้ภายใน 6 ชั่วโมง
- คลัสเตอร์ 3 : EXPERT SOLUTIONS, EXPERT RESULTS สินค้านวัตกรรมเพื่องานก่อสร้างระดับมืออาชีพ โดยจระเข้ ไม่ว่าจะเป็น
- กลุ่มนวัตกรรมการปูกระเบื้อง จระเข้รายเดียวที่มีผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ครอบคลุมงานปูกระเบื้องครบวงจร
- กลุ่มนวัตกรรมกาวยาแนว นำเสนอกาวยาแนวในรูปแบบใหม่ ที่มีสีสันสวยสะดุดตา มากกว่าการใช้ยาแนวในสีแบบเดิมๆ โดยไฮไลต์โซนนี้ จระเข้ได้คอลแลบกับศิลปินชื่อดัง Rukkit มาออกแบบผลงานโดยใช้สีของยาแนวมาผสานเป็นงานศิลปะ
- กลุ่มนวัตกรรมเคมีก่อสร้าง เช่น กันซึม ปกป้องปัญหาการรั่วซึมทุกจุดใช้งาน ตั้งแต่ชั้นฐานราก พื้นผนัง ห้องน้ำ ดาดฟ้า ตลอดจนหลังคา
- คลัสเตอร์ 4 : SEE JORAKAY สีปลอดภัย ที่นำเสนอสินค้าในทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็น กลุ่มสีธรรมชาติ สีทาอาคารรายแรกและรายเดียวในไทยที่ผสานวัสดุจากธรรมชาติอย่าง Limestone หรือหินปูนธรรมชาติ กับเทคโนโลยีกราฟีนที่มีความแข็งแกร่งและช่วยกระจายความร้อน และ สีกลุ่มสีปลอดภัย สีแมตต์ สบายตา อย่าง SEE Jorakay GrafClean Premium และ กลุ่มสีปลอดภัย สีเช็ดล้างได้ อย่าง SEE Jorakay Easy Clean เป็นต้น
“นอกเหนือเรื่องราวของแบรนด์และนวัตกรรมของจระเข้ที่เล่าผ่าน 4 คลัสเตอร์นี้แล้ว เราหวังว่าผู้เข้ามาเยี่ยมชมบูธจระเข้ในปีนี้จะได้ Inspiration ในแง่ของการสร้าง เสริม หรือแม้กระทั่ง ซ่อม บ้านอาคารที่อยู่อาศัยที่สร้างสุขภาวะที่ดี (Well-being) จากการเลือกใช้สินค้าที่มีคุณภาพใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแค่การนำเสนอในงานสถาปนิกเท่านั้น จระเข้ยังมีกิจกรรมทางการตลาดจากทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จะประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี”
สำหรับความสำเร็จในปีที่ผ่านมาและเป้าหมายในปี 2567 ของแบรนด์จระเข้ นายศุภพงษ์ กล่าวเสริมว่า “ธุรกิจในปี 2566 ที่ผ่านมา เราโตขึ้นประมาณ 3,700 ล้านบาท และในช่วงปีที่ผ่านมา จระเข้ได้จัดตั้งสำนักงานที่นครโฮจิมินห์ ภาคใต้ของเวียดนาม ภายใต้ชื่อ บริษัท จระเข้ เวียดนาม จำกัด” เพื่อขยายตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
“ขณะเดียวกันสำหรับตลาดในประเทศ เรามีกลยุทธ์ ผ่านโมเดล “จระเข้ช็อป” (Jorakay Shop) ผ่านผู้แทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าให้ทั่วถึงและรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น และยังมีการจำหน่ายในช่องทาง E-Commerce รวมถึงการดึงกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นกลุ่มผู้ใช้งานเข้ามาไว้ในแพลตฟอร์ม Loyalty Program ที่ชื่อ “JORAKAY FAMILY” เพื่อติดต่อสื่อสารกับลูกค้า รวมถึงการมอบสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ไปจนถึงเปิดรับการสมัคร อบรมงานช่างกับจระเข้ อะคาเดมี่ โดยปัจจุบันมีสมาชิกราว 12,000 คน ซึ่งจระเข้ตั้งเป้าขยายฐานสมาชิกให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังสื่อการกับผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ทางโซเชียลมีเดีย เพื่อเข้าถึง End User และสอดรับกับชีวิตยุคใหม่”
“ในปี 2567 เราตั้งเป้ายอดขายที่ 4,100 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนราว 10% โดยกลุ่มสินค้าที่เราจะโฟกัสคือ กลุ่มสินค้าเคมีก่อสร้าง และกลุ่มผลิตภัณฑ์สีจระเข้ (SEE JORAKAY) ที่เป็นสีปลอดภัย สีจากธรรมชาติ รายแรกในไทย ตั้งเป้า การขายมากกว่า 800 ล้านบาท และปีนี้เรายังมุ่งขยายส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ทั้งภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศเราประสบความสำเร็จในการขยายตลาดไปยังประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้จากตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศเวียดนามปีนี้ไว้ที่ 150 ล้านบาท พร้อมขยายตลาดใหม่ไปสู่ประเทศมาเลเซีย ด้วยแรงหนุนจากเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว รวมทั้งนโยบายเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่เป็นโอกาสให้แบรนด์จระเข้เข้าไปเจาะตลาด เรายังจะมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าที่มีมาตรฐาน และสินค้านวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์งานก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อผู้อาศัย ผู้ใช้งาน และสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับการอยู่อาศัยและสร้างสรรค์โลกที่ยั่งยืน” นายศุภพงษ์ กล่าวปิดท้าย