หากเอ่ยถึงชื่อแบรนด์ไลอ้อน เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นหูและคุ้นตากับเจ้าสิงโตตัวเขียวเหลืองที่เราเห็นกันมาอย่างยาวนาน และบ้านใครหลาย ๆ คนจะต้องมีผลิตภัณฑ์ของไลอ้อนอยู่ติดบ้านอย่างน้อยก็ 1-2 ชิ้น รู้หรือไม่ว่าบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) อยู่คู่ครัวเรือนและดูแลผู้บริโภคชาวไทยมาอย่างยาวนานถึง 55 ปีแล้ว
หากกล่าวถึงชื่อของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ มีหลายรายการที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี เพราะแบรนด์สามารถก้าวเป็น “ผู้นำตลาด” ครองใจกลุ่มเป้าหมายอย่างเหนียวแน่น เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟัน ซิสเท็มมา เจ้าของลิขสิทธิ์นวัตกรรมแปรงสีฟันที่มีขนแปรงปลายเรียวแหลมขนาดเล็กแค่ 0.02 มล ที่มาพร้อมสโลแกนโดนใจ ซอกซอนลึกถึงร่องเหงือก ซอลส์ ต้นตำรับยาสีฟันรสเค็มในเมืองไทย กับสโลแกน “เค็มแต่ดี” ที่ไม่ว่าใครก็คุ้นหู ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจานไลปอนเอฟ “ไร้กลิ่นติดจาน ไร้สารตกค้าง” ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลร่างกาย ครีมอาบน้ำ “โชกุบุสซึโมโนกาตาริ” ครีมอาบน้ำที่มีชูจุดขายความเป็นธรรมชาติก่อนใครๆ กับสโลแกน “99% ของสารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติ” นอกจากนั้นยังมี ผลิตภัณฑ์โฟมล้างมือที่หลาย ๆ คนซื้อติดบ้าน “คิเรอิคิเรอิ” ผลิตภัณฑ์ซักผ้า “เปา” และ “เอสเซ้นส์” และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแบรนด์ “โคโดโม” เป็นต้น
++เส้นทางกว่า 5 ทศวรรษ “ไลอ้อน(ประเทศไทย)”
ย้อนจุดเริ่มต้นของบริษัท ไลอ้อน(ประเทศไทย) จำกัด เมื่อ 55 ปีก่อน เกิดจากบริษัท เดอะ ไลอ้อน แฟทแอนด์บอย จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น ได้เข้ามาในประเทศไทย และร่วมทุนกับบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด ขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นบริษัทมหาชน) โดยมีเป้าหมายเพื่อดำเนินการผลิตผงซักฟอกและแชมพูในประเทศไทยเพื่อ “ทดแทนการนำเข้า”
นอกจากนี้ ภารกิจสำคัญของบริษัท คือการดูแลคนไทยเหมือนคนในครอบครัว ผ่านผลิตภัณฑ์แรกทั้งผงซักฟอกและแชมพู ปัจจุบันพัฒนาและรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในทุกช่วงวัย และความต้องการที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา โดยยังคงยึดมั่นในนวัตกรรม การคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ดีสุด ด้วยการเทคโนโลยีการออกแบบผลิตภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อในการ “ใส่ใจทุกรายละเอียด” เพื่อทำให้การดูแลสุภาพคนไทย ควบคู่กับการดูแลโลกด้วยความรักอย่างยั่งยืนด้วย
++ก้าวต่อไป “ไลอ้อน (ประเทศไทย)” ดูแลคนไทยและโลก
ด้วยความใส่ใจขั้นสุดมากว่า 5 ทศวรรษนี้ “ไลอ้อน (ประเทศไทย)” ที่อยู่เคียงข้างคนไทยมายาวนาน ยังคงก้าวต่อไปอย่างแข็งแกร่ง โดยพันธกิจสำคัญ ยังคงมุ่งมั่นในการคิดค้นและพัฒนาสินค้าเพื่อ “ดูแลสุขอนามัยของคนไทย” แต่อีกโจทย์ที่ความสำคัญตีคู่กันมาคือภารกิน “รักษ์โลกและสังคม” เพื่อสร้างความยั่งยืนสู่คนรุ่นหลัง ผู้บริโภคในยุคถัดไป
ทั้งนี้ การดูแลคนไทย จะชูเรื่องโทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ หรือ Technology for Health เป็นหัวใจของการขับเคลื่อนธุรกิจ ก้าวสู่ทศวรรษที่ 6 และอนาคตระยะยาว เพื่อรองรับเทรนด์ของผู้บริโภคที่ปัจจุบันให้ความใส่ใจในเรื่องสุขภาพอย่างยิ่งยวด ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เช่น แบรนด์ขวัญใจวัยเด็กอย่าง โคโดโม นอกเหนือจากมีรสชาติอร่อยที่ถูกปากเด็ก ๆ ช่วยเสริมสร้างให้เด็กไทยรักการแปรงฟันแล้ว ในแง่ Function เองก็มีมีแปรงด้ามจุ๊บยางลดการสัมผัสเชื้อโรค ที่คิดเผื่อไปถึงการใช้งานจริงของคุณน้อง ๆ หนูวัยซน แปรงสีฟันซิสเท็มมา ที่มีทันตเทคโนโลยีเพื่อทุกรอยยิ้ม การแปรงฟันซอกซอนสะอาดลึก ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเปา ที่ชนะคราบหนักแบบแคร์โลก เพราะเอ็นไซม์ย่อยสลายตามธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์กู๊ดเอจ (GoodAge) ที่เอาใจผู้สูงวัย ด้วยการใส่ใจขั้นสุดเพื่อผิวที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เป็นต้น
โดยทุกผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพของคนไทย ยังตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกวัย ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงวัยด้วย
ขณะที่การ “ดูแลโลก” ไลอ้อน (ประเทศไทย) ได้ทำหลายมิติ เช่น การดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนภายใต้กรอบแนวคิดด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และการมีธรรมภิบาลหรือ ESG
LION ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อย CO2 จากกระบวนการผลิต ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 55% ในปี 2030 และมุ่งบรรลุการปล่อย Carbon สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emission) ภายในปี 2050
การนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ 100% Renewable Electricity ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือระบบโซลาร์เซลล์ โดยในปี 2024 จะมีการติดตั้งเฟส 3 ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ได้ 1,000 ตันต่อปี
การออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนร่วมในการลดคาร์บอนฟุตพรินท์ (Carbon Footprint Reduction) โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง CFP ทั้งหมด 25 SKUs และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้ฉลากลดโลกร้อน (CFR) จำนวน 10 SKUs อาทิ ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจานไลปอนเอฟ สูตรอนามัยชนิดเติม 500 มิลลิลิตร (มล.) ผลิตภัณฑ์ล้างจาน ไลปอนกลิ่นชามะนาว ชนิตเติมขนาด 500 มล. และ ผลิตภัณฑ์ล้างจานเข้มขัน ไลปอนเอฟ สูตรมะกรูด ชนิดเติมขนาด 500 มล.ซึ่งถือเป็นกลุ่มภัณฑ์น้ำยาล้างจานรายแรกของไทย ที่ได้การรับรองฉลากลดคาร์บอนฟุตพรินท์หรือฉลากลดโลกร้อน (Carbon Footprint Reduction: CFR) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
นอกจากนั้นยังผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า ฯลฯ ที่ผลิตด้วยเอนไซม์ที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ รวมถึงตัวบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต
การใช้แนวคิด Circular Economy ด้วยการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นในประเทศไทยมาใช้ จากเดิมที่นิยมใช้วัตถุดิบจากต่างประเทศซึ่งต้นทุนต่ำกว่าเพราะเป็นการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมจำนวนมาก แต่ LION เริ่มหันมาสนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่นที่แม้จะต้นทุนสูงขึ้นแต่มีส่วนในการช่วยสังคม เช่น เมล็ดมะไฟจีนจากเกษตรกรจังหวัดน่านมาใช้ในผลิตภัณฑ์ยาสีฟัน และสบู่เหลวอาบน้ำ ทำให้เกษตรกรท้องถิ่นเหล่านั้นมีรายได้ มีการจ้างงานในชุมชน รักษาพืชพื้นถิ่นไม่ให้สูญหาย และทำให้ผู้บริโภคสามารถสนับสนุนเกษตรกรเหล่านั้นทางอ้อมได้
ผลิตภัณฑ์นี้จึงได้รับรางวัล เหรียญเงินจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ ครั้งที่ 48 ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2022 จากผลงานนวัตกรรม Shokubutsu Monogatari Skin Solution : Skin Microbiome Functionalized by Combination of Upcycling Local Domestic Plants.
การผลิตขวดของโชกุบุสซึโมโนกาตาริ มีการลดการใช้พลาสติกลง จนทำให้สามารถลดการใช้พลาสติกได้ถึง 42 ตันต่อปี ยิ่งไปกว่านั้น ถุงรีฟิลของน้ำยาล้างจานไลปอน เอฟยังได้ฉลาก Carbon Footprint ที่แสดงข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งฉลากคาร์บอนจะช่วยในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ตามแนวทางของ ESG นั่นเอง
++ธุรกิจคู่คุณธรรม เคล็ด(ไม่)ลับความสำเร็จ
อีกดีเอ็นเอของ “ไลอ้อน (ประเทศไทย)” ในการดำเนินธุรกิจ คือปรัชญา “ธุรกิจคู่คุณธรรม” (Business with ethic) คือความ จริงใจและซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ซึ่งบริษัทยึดถือมาโดยตลอด ดังนั้นกระบวนการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และการทำการตลาด จึงอยู่ภายใต้การมีคุณธรรมในการทำธุรกิจ การมีทิศทางการพัฒนาธุรกิจเพื่อการมีสุขภาพที่ดีของทั้งพนักงาน ผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์สุขภาวะที่ดีของผู้บริโภคทุกช่วงวัยสอดรับกับเทรนด์ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต
LION มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบของการมีธรรมาภิบาล (Governance) ด้วยการยึดมั่นการดำเนินตามนโยบาย “ธุรกิจคู่คุณธรรม” สอดคล้องตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อพนักงาน ลูกค้า ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ไลอ้อนแสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน โดยได้เข้าเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” (Thai Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption : CAC) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558
“บริษัทเสริมสร้างความมั่นคงด้วยนโยบายบริหารนโยบายคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญาธุรกิจคู่คุณธรรม ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ พร้อมกับดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน”
ดังนั้น ตลอด 55 ปี และการก้าวย่างไปข้างหน้า ไลอ้อน(ประเทศไทย) จึงเดินหน้าดูแลผู้บริโภคคนไทยอย่างตั้งอกตั้งใจ “เพราะการดูแลใครสักคนเปรียบเสมือนการแสดงออกถึงความรัก” และ “รักแท้” จะไม่มีวันหมดไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปแค่ไหน เปรียบเช่น “ไลอ้อน พร้อมดูแลคุณและโลกเรา ด้วยเทคโนโลยีแห่งความใส่ใจตลอดไป”
หากอยากรู้เพิ่มเติมว่า ไลอ้อนรักและใส่ใจผู้บริโภคคนไทยแค่ไหน ติดตามคอนเทนต์ “55 ปี รักไม่มีเบื่อ ดูแลคนไทยอย่างดีไม่มีเปลี่ยน ” ได้ที่
#LION55THYEARSANNIVERSARY #LION55ปี #ดูแลคุณและโลกด้วยความใส่