HomeBrand Move !!‘ลิสเตอรีน’ โหมตลาดพรีเมียม กระตุ้นคนไทยใช้น้ำยาบ้วนปาก ดูแลสุขภาพฟัน   

‘ลิสเตอรีน’ โหมตลาดพรีเมียม กระตุ้นคนไทยใช้น้ำยาบ้วนปาก ดูแลสุขภาพฟัน   

แชร์ :

แม้ว่าการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันวันละ 2 ครั้ง จะเป็นแนวปฏิบัติมาตรฐานสำหรับการรักษาสุขอนามัยช่องปาก แต่กลับพบว่าในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15 ปี มีเพียง 4.3% เท่านั้นที่ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน ขณะที่ผู้ใหญ่อายุ 35-44 ปี เพียง 14.7% ที่ใช้ไหมขัดฟัน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จากการศึกษาพบว่าคนไทย อายุ 35-44 ปี เผชิญกับโรคฟันผุ มากถึง 91.8%  ส่วนกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไป 20% เป็นโรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์

ปัญหาสุขภาพช่องปาก 3 อันดับแรกในประเทศไทย ได้แก่ ฟันผุ 49% อาการเสียวฟัน 39% และกลิ่นปาก 30% นั่นสะท้อนถึงสุขอนามัยช่องปากที่ต้องดูแลมากขึ้น นอกจากการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน

“ลิสเตอรีน” (LISTERINE) แบรนด์ที่มีอายุกว่า 130 ปี เป็นเบอร์ 1 ในตลาดโลกและประเทศไทย ซึ่งเข้ามาทำตลาดกว่า 50 ปี  จึงสร้างการรับรู้เรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากเพิ่มเติมด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปาก ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดปัญหาต่างๆ ในช่องปาก

คุณชวีนา จิตรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ลิสเตอรีน ประเทศไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมา เปิดเผยว่าที่ผ่านมา “น้ำยาบ้วนปาก” เริ่มสื่อสารและสร้างการรับรู้ว่าใช้เพื่อให้ลมหายใจสดชื่นเป็นหลัก แต่จากการศึกษาพบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากควบคู่ไปกับการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟัน จะช่วยลดคราบจุลินทรีย์ได้มากถึง 52% ภายใน 6 เดือน และช่วยลดปัญหาเหงือกอื่น ๆ ได้ 21%

“ลิสเตอรีน” มีสินค้า 2 กลุ่ม คือ 1. น้ำยาบ้วนปากทั่วไป (Basic Care) ที่ช่วยให้ลมหายใจสดชื่น  และ 2. พรีเมียม กลุ่ม Total Care  ดูแลสุขภาพช่องปากแบบองค์รวม มีคุณสมบัติเฉพาะเจาะจง เช่น  ลดคราบสีและหินปูน ดูแลเหงือก ลดอาการเสียวฟัน โดยทั้ง 2 กลุ่มจะมีทั้งสูตรแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ (Zero Alcohol)

ปัจจุบันคนไทยใช้น้ำยาบ้วนปาก สัดส่วน 30% ซึ่งคิดเป็นอัตราที่ไม่มากหากเทียบกับ สหรัฐฯ ที่ใช้น้ำยาบ้วนปากในสัดส่วนเดียวกับการแปรงฟัน คือใช้เป็นรูทีนเพื่อดูแลช่องปาก

ตลาดสินค้าดูแลสุขอนามัยช่องปาก (Oral Care) ในประเทศไทย มีมูลค่า 18,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน  น้ำยาบ้วนปาก โดยผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปาก มีมูลค่าอยู่ในกลุ่มท็อป 3  เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว

“ลิสเตอรีน” มองโอกาสสร้างการเติบโตให้ตลาดน้ำยาบ้วนปาก ด้วยการให้ความรู้เรื่องการดูแลความสะอาดและสุขภาพช่องปาก นอกจากคุณสมบัติเรื่องลมหายใจสดชื่นที่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เพื่อทำให้น้ำยาบ้วนปาก เข้าไปอยู่ในห้องน้ำของครัวเรือนไทยคู่กับแปรงสีฟันและยาสีฟัน ให้คนไทยใช้เป็นประจำหลังการแปรงฟัน ถือเป็น Ultimate Goal ที่ลิลเตอรีน ต้องการทำให้เกิดขึ้น 

ปัจจุบันตลาดน้ำยาบ้วนปาก มีทั้งแบรนด์ต่างประเทศ และแบรนด์ไทย  พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคจะเลือกจากความเชื่อมั่นในแบรนด์เป็นหลัก โดย “ลิสเตอรีน” เป็นโกลบอลแบรนด์ เบอร์หนึ่งของโลก จึงได้เปรียบด้านแบรนด์  แม้ปัจจัย “ราคา” ไม่ได้มีผลให้ลูกค้าเปลี่ยนแบรนด์มากนัก แต่ลิสเตอรีน ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าพรีเมียม ราคาสูงกว่าสินค้าในตลาด 10-15% ใช้กลยุทธ์ออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มทั่วไป (Basic Care) เน้นที่รสชาติและกลิ่น รวมทั้งกลุ่มพรีเมียม (Total Care) ที่มีคุณประโยชน์ดูแลสุขภาพช่องปาก นอกจากนี้ยังมีการออกขนาดบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เหมาะกับทุกกลุ่ม เพื่อเพิ่มทางเลือกในผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าและไม่เปลี่ยนแบรนด์

นอกจากนี้ “ลิสเตอรีน”  ได้จัดกิจกรรมสื่อสาร LISTERINE LABS  ที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของน้ำยาบ้วนปาก “ลิสเตอรีน”  ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย 4 ชนิด ได้แก่ ยูคาลิปตอล เมนทอล เมทิล ซาลิไซเลต และไทมอล ช่วยลดคราบจุลินทรีย์ได้ 22.2% และลดปัญหาเหงือกอื่น ๆ ได้ถึง 28.2% ภายใน 6 เดือน โดยได้รับการพิสูจน์ทางคลินิกแล้วว่ามีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like