HomeBrand Move !!ตลาดไพรเวทเจ็ทบูม ‘นักธุรกิจ-องค์กร’ แห่ใช้บริการ MJets เร่งขยายเครือข่าย เข้าลงทุน ‘วิงส์โอเวอร์เอเชีย’ สิงคโปร์ 

ตลาดไพรเวทเจ็ทบูม ‘นักธุรกิจ-องค์กร’ แห่ใช้บริการ MJets เร่งขยายเครือข่าย เข้าลงทุน ‘วิงส์โอเวอร์เอเชีย’ สิงคโปร์ 

แชร์ :

MJets ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวในประเทศไทย ที่ก่อตั้งและลงทุน (ส่วนตัว) โดย 2 หุ้นส่วนใหญ่ คือ คุณวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค และคุณกิริต ชาห์  ที่ได้เริ่มธุรกิจนี้ในปี 2550

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ปัจจุบัน MJets ถือเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจไพรเวทเจ็ทเต็มรูปแบบ ด้วยการสร้างศูนย์บริการอากาศยานส่วนบุคคลครบวงจร (FBO) แห่งแรกในประเทศไทย มีศูนย์กลางการให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมี 7 กลุ่มธุรกิจ 

1. บริการ Private Jet Terminal  อาคารผู้โดยสารส่วนบุคคลพร้อมห้องรับรองพิเศษ  โดยเครื่องบินส่วนบุคคล 80-90% ที่มาไทยใช้เทอร์มินัลของ MJets

2. บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ จำนวน 5 ลำ ได้แก่ เครื่องบินรุ่น Cessna Citation Bravo 2 ลำ Cessna Citation X 1 ลำ Gulfstream GV 1 ลำ และเครื่องบิน Gulfstream G550 1 ลำ  โดยเป็นเครื่องบินตั้งแต่ขนาด 6 ทั่นั่ง ระยะบิน 2.30 ชั่วโมง เส้นทางในไทยและเพื่อนบ้าน  ขนาด 8 ที่นั่ง ระยะบิน 5-6 ชั่วโมง เส้นทางภูมิภาคเอเชีย-ตะวันออกกลาง และขนาด 14 ที่นั่ง ระยะบิน 14 ชั่วโมง  เส้นทางยุโรป

3. บริการเครื่องบินพยาบาล ให้บริการขนส่งผู้ป่วยจากทุกที่ ในเส้นทางที่โรงพยาบาลให้บริการไม่เพียงพอ รวมทั้งนำส่งจากประเทศใกล้เคียง

4. การบริหารเครื่องบิน

5. บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน 

6. บริหารธุรกิจการบินส่วนบุคคลและการบริการภาคพื้นแบบครบวงจร 

7. บริการให้คำปรึกษาและดำเนินการซื้อขายเครื่องบิน ให้ลูกค้าบุคคลและองค์การที่ต้องการซื้อเครื่องบินส่วนตัว โดยจะทำการจัดหาและบำรุงรักษา

นอกจากนี้ยังได้ขยายกิจการธุรกิจการบินส่วนบุคคลไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งประเทศอินเดีย เมียนมา และกัมพูชา ด้วยบริการที่หลากหลาก  MJets ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายใหญ่และครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

คุณวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค

ลงทุน ‘วิงส์โอเวอร์เอเชีย’ สิงคโปร์ มูลค่า 458 ล้านบาท

คุณวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค เจ้าของร่วมและกรรมการบริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด (MJets) กล่าวว่าจากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจเครื่องบินเจ็ทและการบินส่วนบุคคลในเอเชียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  อ้างอิงจากการคาดการณ์ขององค์กรวิจัยการตลาด Mordor Intelligence ที่วิเคราะห์อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ของอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่ 14.36% คาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นจาก 463.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567 เป็น 906.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2572

จากปัจจัยการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการเพิ่มของลูกค้ากลุ่มสินทรัพย์สูงและสูงพิเศษ (High & Ultra-High Net Worth Individuals) รวมทั้งกลุ่มผู้บริหาร (ซีอีโอ) ที่ใช้ไพรเวทเจ็ทเดินทางไปทำธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้ดีกว่าสายการบินพาณิชย์

คุณณัฏฐภัทร สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวว่าจากเทรนด์การเติบโตของอุตสาหกรรมการบินส่วนตัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ MJets จึงลงทุนใน “วิงส์โอเวอร์เอเชีย” (WingsOverAsia หรือ WOA) สิงคโปร์  เป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านการบินส่วนตัวที่มีเครือข่ายในอาเซียน มีศูนย์กลางการให้บริการอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ เซเลตาร์ สิงคโปร์

โดยใช้เงินลงทุนราว 458 ล้านบาท (17 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์) การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นแผนการลงทุนระยะยาว เพื่อให้ MJets บรรลุเป้าหมายขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็น “ผู้นำ” ในภูมิภาคนี้ ภายในปี 2569  รวมทั้งก้าวสู่ผู้เล่นในระดับเอเชีย ที่แข่งขันได้ในตลาดโลก

“ซีอีโอ-องค์กร” แห่บินไพรเวทเจ็ท ดันตลาดบูม

ธุรกิจไพรเวทเจ็ทเห็นการเติบโตตั้งแต่ช่วงโควิด ที่สายการบินพาณิชย์หยุดให้บริการ ทำให้นักธุรกิจและลูกค้าองค์กรต้องหันมาใช้บริการไพรเวทเจ็ท  หลังโควิด ปี 2564 ตลาดขยายตัวสูงสุด จากกิจกรรมทางธุรกิจและการลงทุนระหว่างประเทศเริ่มกลับสู่ปกติ  ธุรกิจจากฝั่งเอเชียเติบโตและขยายไปทั่วโลก  ทำให้ซีอีโอ ต้องเดินทางประชุมและทำธุรกิจระหว่างประเทศด้วยไพรเวทเจ็ทมากขึ้น เพราะช่วยประหยัดเวลา แม้ค่าบริการสูงกว่าสายการบินพาณิชย์ แต่ “เวลา” ของนักธุรกิจมีค่ามากกว่า 

นอกจากนี้ยังเห็นดีมานด์ของนักธุรกิจและองค์กร ทั้งไทยและต่างประเทศที่ลงทุนในไทย สนใจซื้อไพรเวทเจ็ท เพื่อใช้เดินทางทำธุรกิจระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น  โดยเครื่องบินเจ็ทที่ซื้อจะมีราคาตั้งแต่ 4 -70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับขนาดใช้งาน

ตั้งแต่ปี 2564  ธุรกิจของ MJets เติบโตเป็นตัวเลขดับเบิลมาตลอด คาดการณ์ว่าจะอยู่ในอัตรานี้ต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีจากนี้  โดยรายได้หลักสัดส่วน 55% มาจากบริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ แบ่งเป็นลูกค้านักธุรกิจและองค์กร  90%  และกลุ่มนักท่องเที่ยว 10%  ต่อไปกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะเป็นรูปแบบผสมคือ ใช้บริการธุรกิจและทริปท่องเที่ยวไปพร้อมกัน

ก่อนโควิดบริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ เป็นกลุ่มลูกค้านักธุรกิจและองค์กรต่างชาติ 80%  ปัจจุบันลดลงเหลือ 60% เนื่องจากตลาดจีน ซึ่งเป็นฐานลูกค้ารายใหญ่ยังไม่กลับมาเต็มที่เหมือนก่อนโควิด  ส่วนลูกค้านักธุรกิจและองค์กรไทยอยู่ที่ 40%

ตามเป้าหมายของ MJets ต้องการเป็นผู้นำธุรกิจไพรเวทเจ็ทในภูมิภาคเอเชีย ดังนั้นในช่วง 2-3 ปีนี้ยังมี “ดีล” ลงทุนร่วมกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นในภูมิภาคนี้เพื่อขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทุกประเทศ 

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like