มูจิ ประเทศไทย (MUJI) ประกาศปรับราคาสินค้าคุณภาพอี
โดยที่ผ่านมา MUJI ได้เดินหน้ากลยุทธ์ด้านราคาอย่
คุณอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “นอกเหนือจากความมุ่งมั่นของ MUJI ในการเป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้านในใจคนไทยทั่วทุกภูมิภาคแล้ว บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายในการเป็นคอมมูนิตี้ที่มีส่วนร่วมช่วยเชื่อมโยง และตอบสนอง ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในแต่ละพื้นที่ ให้สามารถเข้ามาชอปปิง แฮงค์เอ้าท์ พบปะ พูดคุย และรับประทานอาหารภายในร้าน MUJI ได้เป็นประจำ ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้นำกลยุทธ์ทางด้านราคามาใช้ เพื่อเป็นประตูบานแรกให้คนไทยเปิดรับ และมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ในการใช้สินค้าคุณภาพ และบริการที่หลากหลาย ในราคาที่คุ้มค่า ตามแบบฉบับของ MUJI ได้อย่างง่ายดาย และสะดวกสบายมากขึ้น โดยบริษัทฯ เริ่มดำเนินกลยุทธ์ด้านราคามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 เพื่อพาแบรนด์มูจิเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ต้องการซื้อสินค้า MUJI สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ภายใต้ราคาที่เข้าถึงง่าย ซึ่งปัจจุบันมูจิ ประเทศไทยมีสินค้าจัดจำหน่ายอยู่ทั้งหมด 5,000 รายการ และยังมีสินค้าคุณภาพสำหรับชีวิตประจำวันที่มีราคาต่ำกว่า 300 บาท กว่า 2,500 รายการ หรือคิดเป็นสัดส่วน 50% ของสินค้าทั้งหมด โดยจากกลยุทธ์ด้านราคาดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมีฐานลูกค้าในประเทศไทย ที่ซื้อสินค้า MUJI ซ้ำเป็นประจำ และเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ยอดขายมีการเติบโตสูงขึ้นเป็นอย่างสูง”
“ล่าสุดบริษัทได้สานต่อกลยุทธ์ทางด้านราคาอย่างต่อเนื่องอีกครั้งผ่านการนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์คุณภาพที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมกว่า 126 รายการในราคาที่ปรับลดลงเฉลี่ยกว่า 20% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป ในราคาเริ่มต้นเพียง 29 บาท ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ตามอินไซต์ด้านพฤติกรรมและความต้องการในการใช้งานของกลุ่มเป้าหมาย โดยมีสินค้าไฮไลท์ที่โดดเด่นใน 4 กลุ่มสินค้า อาทิ
- กลุ่มรองเท้าและกระเป๋า(รุ่นยอดนิยม) ประกอบไปด้วย รองเท้าผ้าใบ กระเป๋าเป้สะพายหลัง กระเป๋าเดินทาง
- กลุ่มของใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ประกอบไปด้วย ผ้าปูโต๊ะ อุปกรณ์ตากผ้า โซฟาบีนแบค หมอนโพลีเอสเตอร์ ผ้านวม เบาะรองนั่ง เฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งถาด ชั้นไม้สำหรับวางหนังสือ ชั้นไม้สำหรับวางรองเท้า อุปกรณ์เครื่องครัวไม้ยางพารา
- กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
- กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (MUJIFood) ประกอบไปด้วย น้ำโซดา (Sparkling Water) และ Curry (แกงกะหรี่สำเร็จรูป)
“นอกเหนือจากกลยุทธ์ด้านราคา MUJI ยังมุ่งเดินหน้ากลยุทธ์ Localization ในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับอินไซต์ด้านพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ โดยมีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่มีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในสาขาของร้านค้า MUJI ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียน ครบทุกหมวดหมู่ ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และของใช้ในบ้าน โดยคำนึงถึงดีไซน์และฟังก์ชันที่เหมาะสมกับบริบทแบบไทยๆ ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะนิสัยของผู้คน สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ รวมถึงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และวิถีชีวิตของคนไทยอีกด้วย โดยในปี 2567 บริษัทมีในการนำเสนอสินค้าใหม่ๆเหล่านี้มากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงของคนไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หลากหลาย ควบคู่กับการยกระดับร้านค้าให้เป็นไลฟ์สไตล์สโตร์ที่สามารถเข้ามาใช้ชีวิตประจำวัน ได้อย่างครบครันในทุกมิติ โดยบริษัทได้เดินหน้าแผนการขยายสาขาใหม่ไปยังทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย เพื่อให้เข้าถึงคนไทยในทุกๆ พื้นที่อย่างครอบคลุม ซึ่งมีการขยายสาขาไปแล้วทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ และอยู่ในระหว่างการดำเนินการขยายสาขาไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด อาทิ เซ็นทรัล ขอนแก่นในช่วงเดือนมิถุนายน และเซ็นทรัล อุดรธานี ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้” คุณอกิฮิโร่ กล่าวเสริม
คุณอริญา พันธุมโกมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มูจิ รีเทล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา MUJI ได้ทำการสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด เพื่อให้ลูกค้ารับรู้และเข้าใจความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการเป็นแบรนด์สินค้าในชีวิตประจำวันในราคาที่เข้าถึงได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าในแบบญี่ปุ่น โดยเน้นกลยุทธ์การสื่อสาร Localize ให้เหมาะสมกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ เช่น สื่อป้ายโฆษณานอกบ้านทั้งในรูปแบบของป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และป้ายโฆษณาในรูปแบบดิจิทัลในจุดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละจังหวัดได้เป็นจำนวนมาก หรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านรายการวิทยุท้องถิ่น หรือรถกระจายเสียง รวมถึงการใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นที่รู้จักและมีอิทธิพลต่อการสร้างการรับรู้และการตัดสินใจซื้อของคนในแต่ละพื้นที่ โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั่วประเทศไทยด้วยทราฟฟิกการเข้าใช้บริการที่มากขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้านในใจคนไทยทั่วทุกภูมิภาคอย่างแท้จริง”