ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX) บริษัทในกลุ่มอิตัลไทย ที่ดำเนินธุรกิจลงทุนและบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และที่พักอาศัยระดับหรู ภายใต้แบรนด์ อมารี (Amari) โอโซ่ (OZO) ชามา (Shama) และโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) ถือเป็นเชนโรงแรมขนาดกลางสัญชาติไทย ที่ขยายธุรกิจระดับภูมิภาค มีประสบการณ์กว่า 5 ทศวรรษ
ปัจจุบันบริหารเชนโรงแรมและที่พักรวม 40 แห่ง กว่า 7,400 ห้อง ครอบคลุมทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย จีน รวมไปถึง ฮ่องกง บังกลาเทศ และลาว และกำลังขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องอีกหลายแห่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
จากปีนี้จนถึงปี 2025 มีโครงการที่เตรียมเปิดให้บริการกว่า 9 แห่ง ในประเทศมาเลเซีย 3 แห่ง จีนและฮ่องกง 2 แห่ง ไทย 2 แห่ง ลาว 1 แห่ง และ ศรีลังกา 1 แห่ง เป็นต้น รวมทั้งมีทั้งหมด 50 แห่ง และภายในปี 2028 ตั้งเป้าหมายจำนวนรวม 70 แห่ง
คุณยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า ปี 2024 ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวกลับมาเติบโตสูงกว่าช่วงก่อนโควิดแล้ว ปี 2024 เตรียมขยายโรงแรมในภูมิภาคเอเชียดังนี้
โดยเตรียมขยายโรงแรม 3 แห่งใหม่ในมาเลเซีย ได้แก่ โอโซ่ เมดินิ, ชามา เมดินิ และชามา ซัวซานา ยะโฮร์ บาห์รู ทำให้มีโรงแรมในมาเลเซีย รวมทั้งสิ้น 7 แห่ง ถือเป็นประเทศแรกนอกจากไทยที่มีแบรนด์ของออนิกซ์ ครบทั้งอมารี โอโซ่ และ ชามา การขยายโรงแรมในมาเลเซีย มาจากศักยภาพการท่องเที่ยวเติบโตทั้งกลุ่ม MICE นักเดินทางทั่วไปและเพื่อธุรกิจ
สำหรับแบรนด์ “อมารี” โรงแรมระดับ Upper Upscale ที่มุ่งเน้นตลาดทั้ง City MICE, Urban MICE และรีสอร์ต มีแผนเปิดตัวโรงแรมใหม่ 3 แห่ง
1. อมารี โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เปิดไตรมาส 4 ปี 2024 เป็นอาคารสูง 27 ชั้น จำนวน 167 ห้อง
2. อมารี เวียงจันทน์ ประเทศลาว เปิดในไตรมาส 4 ปี 2024 จำนวน 248 ห้อง ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมแห่งที่ 2 ของแบรนด์อมารีในประเทศลาว ต่อจากโรงแรมอมารี วังเวียง
3. อมารี เดอะไทด์ บางแสน ประเทศไทย เปิดปี 2025 ตั้งอยู่บนฝั่งทางเดินตรงข้ามกับหาดบางแสน โดยมีห้องพัก 7 รูปแบบ จำนวน 154 ห้อง มีห้องจัดประชุม 5 ห้อง รองรับ 1,000 คน
ส่วน “ชามา” (Shama) แบรนด์เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ปัจจุบันมีจำนวนที่พักมากกว่า 2,500 ยูนิตจากทั้งหมด 20 แห่ง โดยเฉพาะประเทศไทยเติบโตถึง 200% ภายใน 5 ปี ขณะที่ในฮ่องกง “ชามา” ถือเป็นผู้นำด้านบริการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์อันดับ 1 มีจำนวน 7 แห่ง
สำหรับแผนขยายแบรนด์ “ชามา” การบริหารเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากตลาดที่พักระยะยาวทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ ชามา ซัวซานา มาเลเชีย, ชามา ฮับ เมโทร เซาธ์ ฮ่องกง, ชามา ฮับ เฉียนถัง หางโจว ประเทศจีน และ “ชามา ระยอง” (Shama Rayong) ขนาด 150 ห้อง ที่เตรียมเปิดให้บริการปี 2026
ด้าน “โอโซ่” (OZO) แบรนด์โรงแรมระดับ Upper Middle Scale สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป มีแผนเปิดตัว OZO Medini ที่มาเลเซีย ไตรมาส 2 ปี2024 ซึ่งนับเป็นโรงแรมโอโซ่ แห่งที่ 5 จากปัจจุบัน 4 แห่งประกอบด้วย โอโซ่ พัทยา, โอโซ่ ภูเก็ต, โอโซ่ สมุย, โอโซ่ จอร์จทาวน์ ปีนัง
ปั้นพอร์ตฯ รายได้โรงแรม เปิดแผนลงทุน 4,800 ล้าน
ปัจจุบัน “ออนิกซ์” มีโรงแรมและที่พักรวม 40 แห่ง ในจำนวนนี้มีโรงแรมและที่พักที่ลงทุนและเป็นเจ้าของเอง 11 แห่ง โดยได้วางแผนลงทุนในปี 2025 จำนวน 4,800 ล้านบาท เพื่อรีโนเวตโรงแรม 2 แห่งและก่อสร้างโรงแรมใหม่ 2 แห่ง ดังนี้
– รีโนเวต โรงแรมอมารี ภูเก็ต (ป่าตอง) จำนวน 120 ห้อง มูลค่าลงทุน 1,000-1,500 ล้านบาท
– รีโนเวต โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต จำนวน 176 ห้อง มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท
– ก่อสร้าง โรงแรมโอโซ่ กรุงเทพฯ จำนวน 250 ห้อง ที่ตั้งอยู่ติดกับโรงแรมอมารี กรุงเทพฯ ประตูน้ำ มูลค่าลงทุน 800 ล้านบาท
– ก่อสร้าง โรงแรม EQ Phuket พูลวิลล่าและห้องพัก 150 ห้อง ทำเลกะตะ บนที่ดิน 32 ไร่ (ติดคลับเมดและโอโซ่) มูลค่าลงทุน 2,000 ล้านบาท
สำหรับโรงแรม EQ Phuket เป็นโครงการร่วมลงทุน (JV) ของออนิกซ์กับกลุ่มทุนจากมาเลเซีย ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม EQ Kuala Lumpur โดยออนิกซ์ เป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับกลุ่ม MBK และร่วมลงทุนโรงแรม EQ Phuket ด้วย ถือเป็นโรงแรมร่วมทุนแห่งแรกที่ไม่ได้ใช้เชนโรงแรมของออนิกซ์บริหาร โดยเลือกเชน EQ ระดับลักชัวรีเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดภูเก็ต รวมทั้งเป็นทดลองรูปแบบ JV เพื่อลดเงินลงทุนและความเสี่ยง อีกทั้งยังได้เรียนรู้การบริหารเชนโรงแรมหรูของ EQ
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ “ออนิกซ์” มาจากการรับจ้างบริหารเชนโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ 50% และรายได้จากการลงทุนเองทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สปา อีก 50% หลังจากโครงการลงทุนใหม่ตามแผนปี 2025 ก่อสร้างแล้วเสร็จ สัดส่วนรายได้ในฝั่งโรงแรมที่ลงทุนเองจะเพิ่มเป็น 60% ถือเป็นการสร้างพอร์ตโฟลิโอรายได้จากธุรกิจของตัวเองเพิ่มขึ้น
ปีนี้ ออนิกซ์ ตั้งเป้ารายได้ 9,463 ล้านบาท เติบโต 19% เทียบปีก่อน โดยแบรนด์อมารีและโอโซ่ เป็นแบรนด์เรือธงสร้างรายได้ ในขณะที่แบรนด์ชามา มีแนวโน้เติบโตดีต่อเนื่องจากดีมานด์ในตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยไตรมาสแรกปีนี้รายได้เติบโตแล้ว 29% จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากขึ้น
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE