คุณเชาวนนท์ คลังเปรมจิตต์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติเมทเดสตินี่ จำกัด และซินแสมาสเตอร์อลิซ
อัลติเมท เดสตินี่ เปิดตัวแพลตฟอร์ม U Destiny บริการดูดวงโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยประมวลผล เช่น ใช้วิเคราะห์ใบหน้า ทำนายดวงชะตาในแต่ละวัน โดยทางผู้พัฒนาระบุว่าจะไม่มีการเก็บข้อมูลใบหน้าของผู้ใช้งานไว้ในระบบแต่อย่างใด
แพลตฟอร์ม U Destiny เป็นผลงานการพัฒนาของบริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด ร่วมกับบริษัท อัลติเมท เดสตินี่ จำกัด (ULTIMATE DESTINY) ซึ่งในงานแถลงข่าวเปิดตัว ทางผู้พัฒนาระบุว่า เป็นแพลตฟอร์มแรกที่ให้บริการดูดวงแบบ AI Astrology โดยภายในแอปมีบริการทำนายคาแรกเตอร์ของผู้ใช้งานผ่านการใช้วันเกิดและศาสตร์การอ่านใบหน้า การให้ข้อมูลเกี่ยวกับฤกษ์งามยามดี ฯลฯ พร้อมนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาประมวลผลเพื่อให้ได้ผลการทำนายที่มีความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว
เปิดฟีเจอร์ U Destiny
ด้านคุณเชาวนนท์ คลังเปรมจิตต์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติเมทเดสตินี่ จำกัด กล่าวถึงความสามารถของแอปพลิเคชันว่า “ฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดของ U Destiny คือ โหวงเฮ้ง AI ที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการสแกนเพื่อวิเคราะห์ใบหน้าแบบเรียลไทม์ โดยไม่มีการเก็บข้อมูลของลูกค้า ที่สามารถผสานรวมการวิเคราะห์ทุกศาสตร์ไว้ที่เดียวไม่ว่าจะเป็น การทำนายวาสนา ดวงชะตาด้านการเงิน การงาน และความรัก มาพร้อมกับอีกฟีเจอร์ยอดนิยมของสายมู คือ ฟีเจอร์ Daily Mood ที่สามารถวิเคราะห์ดวงประจำวันได้ครบ 365 วัน”
ทั้งนี้ คุณเชาวนนท์ให้เหตุผลของการเปิดตัวแอปพลิเคชันดังกล่าวว่า คนไทยมีความเชื่อในสายมู หรือการให้ความสำคัญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฮวงจุ้ย ฯลฯ มายาวนาน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าถึงคำทำนายเหล่านี้กันได้ทั้งหมด โดยเฉพาะหมอดูที่มีชื่อเสียงที่ต้องมีการนัดหมาย และมีเวลาจำกัด การมีแอปพลิเคชันจึงช่วยให้การเข้าถึงศาสตร์ดังกล่าวทำได้สะดวกมากขึ้น และเป็นคำทำนายแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละบุคคลด้วย
อย่างไรก็ดี ในการเข้าถึงแต่ละฟีเจอร์จะมีการคิดค่าบริการร่วมด้วย เช่น ค่าทำนายโหงวเฮ้ง AI ค่าบริการ 199 บาท เป็นต้น
ด้านคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวถึงการนำ AI มาใช้กับแอปพลิเคชันดังกล่าวว่า “แพลตฟอร์ม U Destiny เป็น Use case แรก ๆ ที่นำศาสตร์การทำนายดวงชะตากับเทคโนโลยี AI เข้ามาผสมผสานกัน จนออกมาเป็นแอปพลิเคชันดูดวงที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเท่าเทียมกันมากขึ้น และเชื่อว่า ในปีนี้คนไทยจะได้เห็นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้แก้ไขหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตมากขึ้นด้วยเช่นกัน”