Gogolook บริษัทผู้ให้บริการด้าน TrustTech และผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Whoscall (แอปพลิเคชันระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จักสำหรับสมาร์ทโฟน) เผยกลลวงมิจฉาชีพยุค 5.0 ที่คนไทยต้องพบเจอว่า การหลอกติดตั้งแอปปลอมมีสถิติสูงสุด 27% ขณะที่ความเสียหายสะสมพบว่ามีมากกว่า 53,000 ล้านบาท
แต่นอกจากการหลอกให้ล็อกอินเข้าเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันปลอม 27% แล้ว การหลอกให้ดาวน์โหลดโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่อันตราย 20% และการหลอกให้เข้าไปที่หน้าช้อปปิ้งออนไลน์ปลอมอีก 8% ก็ยังถือเป็นตัวเลขที่สูงมากเช่นกัน โดยในปี 2566 คนไทยที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพมีถึงวันละ 217,047 ราย และพบว่ามีคนไทยได้รับสายจากมิจฉาชีพถึง 20.8 ล้านครั้ง และถูกมิจฉาชีพหลอกลวงจาก SMS มากกว่า 58.3 ล้านข้อความ ซึ่งเป็นจำนวนยอดที่เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2565 รวมมูลค่าความเสียหาย สะสมกว่า 53,875 ล้านบาท
นอกจากนี้ Whoscall ยังพบว่า คนไทยได้รับข้อความ SMS ที่เป็นข้อความสแปมและข้อความหลอกลวงเฉลี่ย 6 ใน 10 ครั้งของข้อความ SMS ทั้งหมดที่ได้รับ (ตัวเลขในปี 2566) และประเทศไทยยังติดอันดับการได้รับข้อความ SMS หลอกลวงสูงที่สุดในเอเชียด้วย
คุณฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ บริษัท Gogolook กล่าวว่า “เนื่องจากการหลอกลวงทางโทรศัพท์ได้ถูกยกระดับเป็นวาระแห่งชาติด้วยวิวัฒนาการของกลโกงการหลอกลวงที่มาถึงยุค 5.0 เป็นยุคที่มิจฉาชีพหลอกด้วย AI อาทิ การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI Deep Fake ในการปลอมตัวตน หรือเก็บและนำข้อมูลส่วนตัว มาหลอกให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยเราเริ่มพบเห็นการหลอกในรูปแบบโทรมาด้วยเสียงของคนที่คุ้นเคย และข้อมูลที่ระบุตัวตนถูกต้อง ซึ่งสามารถทำให้ตกเป็นเหยื่อได้ง่ายยิ่งขึ้น”
ด้วยเหตุนี้ ในปี 2567 ทาง Whoscall จึงจัดแคมเปญใหญ่ “จับมือเพื่อนรัก ตัดสายมิจร้าย (SAVE FRIENDS FROM FRAUD)” ร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ เช่น สํานักงานตํารวจแห่งชาติ, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และภาคเอกชน อาทิ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน), ทรูมันนี่ วอลเล็ท บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน), บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จํากัด บาร์บีคิวพลาซ่า, บัตร Max Card บริษัท แมกซ์ โซลูชั่น เซอร์วิส จำกัด ในเครือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน), บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน), บริษัท วีโว่ ประเทศไทย และ สโมสรบลูเวฟ ชลบุรี ฟุตซอล คลับ โดยตั้งเป้าลดความสูญเสียทางทรัพย์สินจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาทจากมิจฉาชีพ และรณรงค์ให้คนไทยทั้งประเทศดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Whoscall สำหรับลดความเสี่ยงในการเผชิญหน้ากับมิจฉาชีพ รวมถึงมีการแจกโค้ด Whoscall พรีเมียม ฟรี จำนวน 3 ล้านโค้ด ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ของพาร์ทเนอร์ที่เข้าร่วมแคมเปญ รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป