ต้องบอกว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังโควิดเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น สะท้อนได้จากเหล่าดีเวลลอปเปอร์ต่างเปิดตัวโครงการใหม่กันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างและสื่อสารแบรนด์ให้อยู่ในใจผู้บริโภคควบคู่ไปพร้อมกันด้วย เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจและรับรู้ความตั้งใจของแบรนด์
ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ไม่เพียงชูจุดขายเรื่องดีไซน์ที่แตกต่างตอบทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังมีกลยุทธ์การสื่อสารแปลกใหม่ เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและยังคงอยู่ในการจดจำของผู้บริโภคเสมอ
โดยหนึ่งในแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความครีเอทีฟทั้งในแง่การออกแบบที่อยู่อาศัย รวมถึงแคมเปญและกลยุทธ์การตลาดมาตลอดคือ “บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)” หรือ “ANANDA” โดยล่าสุดได้หยิบความ Joy มาต่อยอดสู่แบรนด์แคมเปญใหม่ “JOYFUL LIVING” เพื่อปลุกพลังคนเมืองได้จอยในสิ่งที่ชอบไปด้วยกัน พร้อมถ่ายทอด Brand DNA ที่อยู่อาศัยเพื่อคนเมืองให้ทุกคนเห็นภาพชัดขึ้น ทำไมอนันดาถึงหยิบความ Joy มาเป็นแก่นในการสื่อสารแบรนด์ไปยังผู้บริโภค Brand Buffet ชวนมาเจาะลึกเบื้องหลังไอเดียการคิดแคมเปญนี้ไปพร้อมกัน
เปิดเกมสร้างแบรนด์เข้าถึง Gen Z ต่อยอดฐานลูกค้าเดิมโตขึ้น
หากพูดถึงแบรนด์อสังหาฯ เพื่อคนเมืองและคอนโดติดรถไฟฟ้า เชื่อว่าแบรนด์แรกที่ทุกคนต้องนึกถึงคือ “อนันดา” เพราะอนันดามีแนวคิดในการพัฒนาคอนโดติดรถไฟฟ้าชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาปักธงในตลาด จากการมองเห็นช่องว่างที่ยังมีคู่แข่งทำตลาดไม่มาก ทำให้ปี 2550 จึงเริ่มพัฒนาคอนโดมิเนียม “ไอดีโอ ลาดพร้าว 17” เป็นโครงการแรก และวางจุดยืนชัดเจนเป็น “Urban Living Solutions” ที่มุ่งพัฒนาโซลูชันการอยู่อาศัยมาแก้ปัญหาและยกระดับการใช้ชีวิตคนเมืองให้ดีขึ้น จนสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์
1. นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อนันดารุกทำตลาดมากขึ้น ด้วยการพัฒนาคอนโดติดรถไฟฟ้าไปทั่วเมือง ผ่านแบรนด์ต่างๆ ครอบคลุมทุกเซกเมนต ควบคู่กับการสื่อสารจุดยืนผ่านแคมเปญต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละปีจะเล่าในบริบทที่แตกต่างกันตามไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตในเมืองที่เปลี่ยนไป ทว่าเส้นหลักในการคิดแคมเปญยังคงความเป็น Urban Living Solutions ส่งผลให้แบรนด์เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอสังหาฯ เพื่อคนเมืองและคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า สะท้อนได้จากผลวิจัยของ Terra BKK 2023 และจากข้อมูลจากอนันดา พบว่า ฐานลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมของอนันดา 55.4% เป็น GEN Y ส่วน 40.6% เป็น GEN X และ 4% เป็น GEN Z หากแยกอาชีพของลูกค้าอนันดา 45% พนักงานบริษัท / 40% เจ้าของธุรกิจและนักลงทุน / 15% นักศึกษา (ผู้ปกครองซื้อให้อยู่อาศัย)
ถึงแม้อนันดาจะมีความแข็งแกร่งในตลาดคอนโดติดรถไฟฟ้ามายาวนาน แต่หนึ่งในโจทย์ท้าทายที่แบรนด์ต้องเจอคือ จะสร้างแบรนด์อย่างไรให้แตกต่าง เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ที่เป็นวัยรุ่น หรือ Gen Z เพราะฐานลูกค้ากว่า 96% อยู่ในกลุ่ม GEN Y และ GEN X ซึ่งคนกลุ่มนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่น แม้อดีตจะยังเป็นเด็ก แต่วันนี้ก็เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ และที่สำคัญเป็น Core Target ของตลาดคอนโด รวมถึงอนันดาด้วย
นี่จึงเป็นเหตุผลให้อนันดาต้องการสื่อสารตัวตน และสร้าง Brand DNA ให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้มองอนันดาเป็นแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างเขา บวกกับความตั้งใจของอนันดาที่ต้องการเป็นหนึ่งกระบอกเสียงให้คนได้จอยชีวิตในแบบตัวเองด้วย เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทุกคนต้องเจอความวุ่นวาย และสารพัดปัญหา ทำให้เครียดและเหนื่อยล้า จนออกมาเป็นแคมเปญ “JOYFUL LIVING” ที่หยิบเอาความ Joy มาเป็น Key Message ในการสื่อสารผ่านหนังโฆษณา เพราะเป็นคำที่ทุกคนได้ยินกันมานาน ทั้งยังสื่อถึงความสนุกสนาน และความสุขในตัวเองชัดเจน
ดึง 4 จุดแข็งเล่าเรื่องแบบตรงๆ ผ่านตัวละครที่สะท้อนคาแรกเตอร์ผู้อยู่จริง
เมื่อเป้าหมายของแคมเปญนี้ต้องการถ่ายทอดจุดยืนของแบรนด์ให้ชัดเจน เนื้อหาของหนังโฆษณาจึงนำ 4 จุดแข็งหลักของอนันดามาเป็นแก่นในการเล่าเรื่องแบบตรงๆ ซึ่งดูผิวเผินอาจเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความน่าสนใจคือ การหยิบความจอยมาใส่ไอเดียเข้าไป และใช้วิธีการเล่าเรื่องผ่าน 8 ตัวละครที่สะท้อนคาแรกเตอร์ผู้อยู่อาศัยจริงของอนันดาออกมาอย่างชัดเจน จึงสะท้อนให้เห็นจุดเด่นของแบรนด์ผ่านความจอยในการใช้ชีวิตของแต่ละคนอย่างลงตัว
เริ่มจากจุดแข็งแรก URBAN LOCATION หรือ ทำเล เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาคอนโด เพราะช่วยประหยัดเวลาเดินทาง ไม่ว่าจะออกไปทำงาน ท่องเที่ยว หรือ Hangouts กับเพื่อนฝูง ทั้งยังสามารถนำเวลาไปทำในสิ่งที่ชอบได้มากขึ้น คอนโดของอนันดาจึงต้องตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า ถัดมาคือ URBAN FACILITIES การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกให้สอดรับกับการใช้ชีวิตคนเมืองแต่ละเซกเมนต์ เพื่อให้ทุกคนสามารถจอยชีวิตในแบบที่ชอบได้เต็มที่ ต่อด้วย ANANDA SURE มาตรฐานการก่อสร้างและบริการหลังการขายที่สร้างความมั่นใจและความสุขให้ผู้อาศัย และสุดท้าย URBAN ICONIC DESIGN การดีไซน์อาคารให้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากอาคารอื่นๆ โดยเอกลักษณ์ในที่นี้ไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ต้องไม่ทำลายทัศนียภาพเส้นขอบฟ้าของเมือง จึงยกระดับเมืองให้ทันสมัย ทั้งยังสร้างความภูมิใจให้ผู้อยู่อาศัย และเป็นแรงบันดาลใจให้คนเมืองแสวงหาความคิดใหม่ๆ เสมอ
ต่อยอดจุดแข็งสู่กิจกรรมสร้าง “พื้นที่ความสุข” ให้คนเมืองได้ทำสิ่งที่ชอบ
นอกจากการนาจุดแข็งมาถ่ายทอดตัวตนผ่านหนังโฆษณาแล้วแคมเปญนี้อนันดามีความต้องการที่อยากจะเป็นแบรนด์ที่ Empower คนเมืองทุกคนให้ออกไปใช้ชีวิตและจอยกับสิ่งต่างๆรอบตัว หรือจอยกับ Passion ที่แต่ละคนก็มีกิจกรรมที่ทาแล้วจอยต่างกันออกไป แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งเล็กๆ อย่างการแค่ได้ออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะ การพาน้องหมาหรือน้องแมวออกมาเดินเล่น หรือแม้กระทั่งการได้ออกไปทานของที่ชอบกับครอบครัว สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนสร้างความสุขและเติมเต็มความจอยให้กับตัวเองและครอบครัวได้
ทั้งหมดนี้คือ วิธีคิดแบรนด์ดิ้งแคมเปญในแบบอนันดา ที่หยิบความจอยมาต่อยอดสร้างแรงบันดาลใจให้คนเมือง ผนวกกับวิธีการเล่าเรื่องแบบตรงๆ จึงกลายเป็นส่วนผสมที่สนุกและลงตัว ทำให้เราเห็นความมุ่งมั่นของอนันดาที่ไม่เพียงสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคนเมืองเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนให้คนเมืองได้จอยกับการใช้ชีวิตในทุกวัน เพียงแค่ทำในสิ่งที่ชอบ ก็ทำให้มีความสุขได้ “JOYFUL LIVING” จึงเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่สามารถสร้างแบรนด์ได้ชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องตะโกนชื่อมากเกินไป แถมยังสร้างความรู้สึกดีๆ ให้วัยรุ่นจดจำได้ง่ายขึ้นด้วย
ใครที่อยากเห็นความจอยแบบอนันดาเต็มๆ สามารถดูหนังโฆษณาได้ที่
ส่วนใครอยากเอนจอยกับชีวิตเมืองแบบที่ชอบ “อนันดาพร้อม Joy” แคมเปญล่าสุดจากอนันดาพร้อมให้คนเมืองได้จอยไปกับ 13 คอนโดพร้อมอยู่ใกล้รถไฟฟ้า “ที่เห็นแบบไหน ได้แบบนั้น” กับห้องแต่งให้ครบๆ พร้อมใช้ชีวิตหรือปล่อยเช่าได้ทันที
ลิงค์เพิ่มเติม https://anan.ly/3VjeMEN
สุดท้ายไม่ว่าผู้อ่านจะเป็นลูกค้าของอนันดาหรือไม่ ทาง Brand Buffet มองว่า ทาง “ อนันดา ” ตั้งใจและอยากให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่าง Joyful ออกไปใช้ชีวิตให้มีความสุขตาม Passion ของตัวเองได้อย่างเต็มที่เพราะ #ชีวิตเมืองจอยได้ทุกวัน