HomePR Newsบี.กริม เพาเวอร์ ลงนามซื้อขายไฟฟ้ากับ “จงเช่อ รับเบอร์” ผู้ผลิตยางยักษ์ใหญ่ระดับโลก ร่วมพัฒนาโครงการโซลาร์ รูฟท็อป ขนาดกำลังผลิต 35 เมกะวัตต์ [PR]

บี.กริม เพาเวอร์ ลงนามซื้อขายไฟฟ้ากับ “จงเช่อ รับเบอร์” ผู้ผลิตยางยักษ์ใหญ่ระดับโลก ร่วมพัฒนาโครงการโซลาร์ รูฟท็อป ขนาดกำลังผลิต 35 เมกะวัตต์ [PR]

แชร์ :

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และ บริษัท จงเช่อ รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตยางรายใหญ่ระดับโลก จากประเทศจีน ได้จัดพิธีลงนามโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ขนาดกำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ โดยติดตั้งบนพื้นที่หลังคาโรงงานของ บริษัท จงเช่อ รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บี.กริม เพาเวอร์ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ บริษัท จงเช่อ รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ รายใหญ่ในประเทศไทย ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 35 เมกะวัตต์นี้ BGRIM ได้พัฒนาขึ้นร่วมกับพันธมิตร China Energy Engineering Corporation หรือ เอ็นเนอจี ไชน่า “Energy China” รัฐวิสาหกิจพลังงานรายใหญ่ของประเทศจีน ซึ่งการดูแลงานก่อสร้าง การออกแบบ การติดตั้ง และการบำรุงรักษาระบบการผลิตไฟฟ้าจะเป็นไปภายใต้มาตรฐานด้านวิศวกรรมที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดโดยตลอดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ทั้งนี้ บริษัท จงเช่อ รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตกลงที่จะรับซื้อไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้จากระบบการผลิตของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาจาก BGRIM ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าว

บริษัท จงเช่อ รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย มีระบบการผลิตยางรถยนต์ที่ครบครันทุกขั้นตอนภายใต้การกำกับดูแลของบริษัทแม่ในประเทศจีน บริษัทได้เริ่มดำเนินธุรกิจผู้ผลิตยางรถมาตั้งแต่ปี 2501 ซึ่งตลอด 60 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบัน บริษัทคือผู้นำในการผลิตยางรถยนต์อันดับ 1 ในประเทศจีน และมียอดการผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์สูงสุด 1 ใน 10 ของผู้ผลิตยางรถยนต์ทั่วโลกอีกด้วย

ความร่วมมือในครั้งนี้สามารถตอบโจทย์การใช้พลังงานที่เปลี่ยนไปขององค์กรต่างๆ ในปัจุบันซึ่งหันมาให้ความ สำคัญกับการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของธุรกิจเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ส่งผลให้การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และการสรรหาแนวทางแก้ปัญหาใหม่ๆ ผ่านการจัดการด้านพลังงาน และมีความสำคัญมากขึ้นต่อการเติบโตของทุกธุรกิจในอนาคต


แชร์ :

You may also like