HomeBrand Move !!รู้จัก DOUGH BROS. Pizza & Doughnuts พิซซ่าซาวโดว์และโดนัทชื่อดังจาก “ฮ่องกง” หลังปักหมุดสาขาแรกที่เกษรอัมรินทร์

รู้จัก DOUGH BROS. Pizza & Doughnuts พิซซ่าซาวโดว์และโดนัทชื่อดังจาก “ฮ่องกง” หลังปักหมุดสาขาแรกที่เกษรอัมรินทร์

แชร์ :

 DOUGH BROS. Pizza & Doughnuts แบรนด์พิซซ่าซาวโดว์และโดนัทชื่อดังจากฮ่องกง ล่าสุดทางแบรนด์ก็ขอเอาใจสาวกพิซซ่าและโดนัทเมืองไทย ด้วยการเปิดให้บริการสาขาแรกที่ “เกษรอัมรินทร์”

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การเข้ามาทำตลาดของ DOUGH BROS. Pizza & Doughnuts นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของแบรนด์ เพราะนอกจากประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมด้านอาหารที่หลากหลาย เปิดรับแบรนด์จากต่างชาติมากมายแล้ว ทว่าการแข่งขันก็รุนแรงมากเช่นกัน มีทั้งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่บางรายก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านในที่สุดเช่นกัน

“ผมบินไปมาไทย-ฮ่องกงค่อนข้างบ่อย และชอบรับประทานอาหารไทยอย่างกระเพราหมูสับ และเครื่องดื่มหลายๆ อย่าง จนนำไปต่อยอดแบรนด์ของเราด้วยการทำโดนัทไส้ชาไทย และขายดีเป็นอันดับ 2 ของที่นั่น แน่นอนการเข้ามาทำตลาดในไทยครั้งนี้เราไม่ได้ต้องการแข่งขันกับใคร หากแต่มีเป้าหมายคือการสร้างเซกเมนต์อาหารใหม่ในตลาด QSR ของเมืองไทย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในอนาคต” คุณแมทธิว แลมมิ่ง  Co-Founder & CEO แบรนด์ DOUGH BROS. Pizza & Doughnuts กล่าวถึงเหตุผลของการเข้ามาทำตลาดที่ไทยในครั้งนี้

 

จากร้านอาหารขนาดเล็ก สู่ร้าน “พิซซ่าซาวโดว์และโดนัท” อันเป็นเอกลักษณ์

สำหรับแบรนด์ DOUGH BROS. Pizza & Doughnuts เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา หรือราวปี 2562 โดย 2 คู่หูผู้ก่อตั้งอย่าง “คุณแมทธิว แลมมิ่ง” หนุ่มชาวอังกฤษ ที่เกิดและเติบโตที่ฮ่องกง และ “คุณเอ็ดมันด์ รอล์สตัน” ที่เริ่มต้นจากการเปิดร้านอาหารเล็กๆในเกาะฮ่องกง  จนประสบความสำเร็จและอยากขยายสเกลธุรกิจมากขึ้น  จนเกิดเป็นร้าน DOUGH BROS. Pizza & Doughnuts ขึ้นมา โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 20 สาขา

แต่ด้วยข้อจำกัดของ “ฮ่องกง” ทีที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะ มีพื้นที่คอนข้างจำกัด ทำให้แบรนด์มีพื้นที่ต่อสาขาเพียง 20 ตร.ม. และเน้นให้บริการแบบดีลิเวอรี่เท่านั้น  ทำให้ทางแบรนด์เริ่มมองหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆนอกประเทศมากขึ้น จึงมองหาโลเคชั่นในประเทศ เป็นทำเลที่ดีที่สุดนอกจากฮ่องกง โดยต้องมีทั้งความเป็นเมือง มีทั้งนักท่องเที่ยว ที่เหมาะกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มขณะเดียวกันก็ต้องเป็นเมืองใหญ่

 

คุณแมทธิว แลมมิ่ง และ คุณเอ็ดมันด์ รอล์สตัน 2 ผู้ก่อตั้ง

 

และ “ไทย” ก็คือคำตอบในการเข้ามาทำตลาดนอกประเทศเป็นครั้งแรกของแบรนด์ โดยเลือกปักหมุดสาขาแรกที่ ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ ชั้น G แลนด์มาร์คใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ บนพื้นที่  90 ตร.ม. ในโมเดลขนาดกลาง ที่มีทั้งบริการดีลิเวอรี่และที่นั่ง 45 ที่นั่งภายในร้าน โดยตัวร้านจะเน้นตกแต่งโทนชมพู-ดำ อันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและสนุกสนานในการเข้ามารับประทาน

“จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ต้องการอาหารจานด่วนที่ดีต่อสุขภาพ ราคาสมเหตุสมผลในบรรยากาศที่สะดวกสบาย จึงเป็นที่มาของการเลือกเปิดตัวสาขาในเมืองไทย” คุณแมทธิวกกล่าว

 

 

สำหรับเมนูภายในจะมีทั้งพิซซ่าซาวโดว์ทำสดใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงหมักแป้งให้ขึ้นฟูเพื่อให้ได้ขอบพิซซ่าที่กรอบพองสวย และเสิร์ฟแบบ Fresh to Order  หรือเสิร์ฟและทำก็ต่อเมื่อมีออร์เดอร์เข้ามาเท่านั้น โดยมีเมนูซิกเนเจอร์คือ พิซซ่า Classic เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมชีสคัดพิเศษ, พิซซ่า Maui Wowie พิซซ่าตามแบบอิตาเลียนโฮมเมดสูตรดั้งเดิมที่ถูกทวิสต์ให้สนุกขึ้นด้วยสับปะรดแบบจัดเต็ม, พิซซ่า The Parma ที่เสิร์ฟพาร์ม่าแฮมคุณภาพดีนำเข้าจากอิตาลี หรือจะเป็น พิซซ่า Truffle สนนราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 340-450 บาท พิเศษด้วย Italian Summer Black Truffle และอีกเมนูที่เป็น Seasonal Special ของทางร้านอย่าง The Pepperoni Supreme เปปเปอโรนีแผ่นใหญ่เต็มคำ มาพร้อมพิซซ่ากับ ดิปสูตร  ซิกเนเจอร์ Garlic & Herb ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับพิซซ่าทุกถาด

 

 

นอกจากนี้ยังมีโดนัท 4 รสชาติ ได้แก่ นูเทลล่า ,วนิลา คัสตาร์ด,สตรอเบอร์รี่ และ โอริโอ้ ช็อกโกแลต จากในฮ่องกงที่มีโดนัททั้งสิ้น 10 รสชาติ ก่อนที่จะพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต หลังศึกษาความชอบและพฤติกรรมของลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย โดยมีราคา 130 บาทต่อชิ้น ,กล่อง 3 ชิ้นราคา 330 บาท , กล่อง  6 ชิ้น ราคา 600 บาท และกล่อง 12 ชิ้น ราคา 1,100 บาท

เปิดเพิ่ม 5 สาขาบนทำเลยุทธ์ศาสตร์-กลางเมือง

ขณะที่แผนงานนับจากนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่งในเขตกรุงเทพ  โดยจะเน้นในเมืองที่ขยายสาขาและบริการทำเลดีลิเวอรี่ได้ง่าย เบื้องต้นมองไว้หลายโลเคชั่น ในเขตกลางเมืองยังมีโอกาสอีกมาก เบื้องต้นการขยายสาขาจะแบ่งเป็นโมเดลออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ 

  1. เน้นดีลิเวอรี่ โมเดลพื้นที่จำกัด 40-50 ตร.ม.
  2. พื้นที่ขนาดกลาง เน้นรูปลักษณ์ โชว์เอกลักษณ์ของร้านมากขึ้น พื้นที่ราว  90 ตร.ม.
  3. Heavy Dine In สาขาเต็มรูปแบบ  อยู่ในโลเคชั่นที่ดี หน้าร้านเป็นบิลบอร์ดขนาดใหญ่ มีที่นั่ง มีครบทุกบริการ พื้นที่ราว 250 ตร.ม.

“อีก 5 สาขาที่เหลือเรายังไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าจะไปขยายในพื้นที่ใดบ้าง แต่ว่าในทำเลบริเวณนี้ (ราชประสงค์-กลางเมือง) ยังมีทำเลศักยภาพอีกมากที่เราสามารถขยายไปได้ และเราจะมองตรงนี่เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง”

 

 

นอกจากนี้ร้าน DOUGH BROS. Pizza & Doughnuts ยังมีบริการสั่งอาหารผ่านหน้าจอทัช สกรีน และระบบการชำระเงินแบบ online payment อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและกลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ ขณะที่ในอนาคตมีแผนที่จะเปิดโมเดล Drive -Thru  และโมเดล 24 ชั่วโมง เบื้องต้นขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาตลาดและอินไซด์คนไทย

“โมเดลทั้งหมดจะคล้ายกับฮ่องกง ทั้งกลุ่มลูกค้า โลเคชั่น แน่นอนจากการวิเคราะห์ข้อมูลของเราตลอดหลายปี และนำมาใช้  มองว่าจะขยายสาขาได้ไกลตามเป้าหมาย และคนไทยจะชอบอย่างแน่นอน” คุณเอ็ดมันด์ รอล์สตัน Co-Founder & CMO แบรนด์ DOUGH BROS. Pizza & Doughnuts กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like