HomeBRAND HERITAGEเบื้องหลัง GARMIN จากสตาร์ทอัพ สู่ Tech Company ระดับหมื่นล้าน ที่มีดีมากกว่านาฬิกา

เบื้องหลัง GARMIN จากสตาร์ทอัพ สู่ Tech Company ระดับหมื่นล้าน ที่มีดีมากกว่านาฬิกา

บุกออฟฟิศสำนักงานใหญ่ ณ สหรัฐอเมริกา พร้อมคุยกับ CEO GARMIN สุดยอด Tech Company ที่มีดีมากกว่านาฬิกา

แชร์ :

สำหรับนักวิ่งหรือคนออกกำลังกายประจำคงคุ้นเคยกับแบรนด์ GARMIN เป็นอย่างดี เพราะเป็นอุปกรณ์ติดตัวระหว่างการออกกำลังกายเสมอหรือแม้กระทั่งใส่ตอนนอน…แต่รู้ไหมว่า GARMIN นั้นไม่ใช่เพียงแค่บริษัทผลิตนาฬิกาสมาร์ทวอทซ์เท่านั้น แต่คือ Tech Company อันดับต้นๆ ของโลกที่คิดค้นนวัตกรรมมากมายให้กับโลกนี้จนน่าทึ่ง  

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

Brand Buffet พาบินลัดฟ้าบุกชมสำนักงานใหญ่ GARMIN  เคนซัส ซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับ Key Success ทำไมองค์กรนี้ถึงประสบความสำเร็จ   

5 ธุรกิจ GARMIN ….ไม่ได้มีดีแค่นาฬิกา 

GARMIN เป็นสตาร์อัพเล็กๆ ก่อตั้งเมื่อปี 1989  โดย 2 วิศกรผู้ก่อตั้ง คือ  Gary Burrell (ชาวอเมริกัน) และ  Min  Kao (ชาวไต้หวัน)  จากรายได้ก้อนแรกเพียง 2,500 เหรียญสหรัฐฯ สู่การเข้าตลาด NASDAQ ในปี 2000  และปัจจุบันมียอดขายสูงถึง 5.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.88 หมื่นล้านบาท) และสินค้าถูกขายไปกว่า 16 ล้านชิ้นทั่วโลก ในปี 2023

1.ธุรกิจการบิน นับว่าเป็นจุดเริ่มขององค์กรนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่าช่วงเริ่มต้นบริษัทได้พัฒนาระบบ GPS และระบบการบินต่างๆให้กับกองทัพสหรัฐฯ  ปัจจุบันจึงมีโซลูชันการบินต่างๆ ระบบ GPS  ระบบจอคอนโทรล หรือ ระบบการลงจอด

2. ธุรกิจการเดินเรือ อุปกรณ์เดินทะเล อุปกรณ์นำทาง และ หาปลาต่างๆ   เช่น   REACTOR AUTOPILOT , GPSMAP® 9000 MFDS

3. ธุรกิจฟิตเนส  ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ทั้งนาฬิกาสำหรับนักวิ่งและนักออกกำลังกาย ซึ่งเป็นธุรกิจที่โฟกัสในการขยายตลาดให้มากขึ้น

4. ธุรกิจอุปกรณ์กิจกรรมกลางแจ้ง เช่น  อุปกรณ์พกพาเดินป่า  นาฟิกากอล์ฟ  เป็นต้น 

5. ธุรกิจยานยนต์ ที่รับผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์และกล้องในรถยนต์ตามความต้องการ   

 

Vertical Integration เพื่อ “สินค้าคุณภาพ”

ปัจจุบัน GARMIN นับเป็น  Tech Company ระดับโลก ที่มี 86 ออฟฟิศทั่วโลก ใน 35 ประเทศ  โรงงาน 10 แห่ง พร้อมกับพนักงานกว่า 19,000 คน ที่ช่วยกันคิดค้นพัฒนาโปรดักต์ล้ำๆ ออกสู่ตลาด

ในธุรกิจ 5 กลุ่มนี้ บริษัทมีกลยุทธ์สำคัญในการ Operation  คือ ระบบทำงานแบบ Vertical Integration หรือ คุมการผลิตและคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ  ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้น  ออกแบบ ทำแล๊บเทส  จนกว่าจะสู่ตลาดหรือลูกค้านำไปใช้งาน

และมีการนำ Data ของผู้ใช้งาน (ที่ได้รับการอนุญาตแล้ว) มาพัฒนาต่อเป็นโปรเจกต์ร่วมกับพาร์ตเนอร์ทั้งเอกชนและรัฐบาล เพื่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ๆตอบโจทย์การใช้งานลูกค้ายิ่งขึ้นไปอีก

สำหรับแผนในอนาคต ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนวิศกรหัวกะทิเข้าร่วมบริษัทให้ถึง 5 พันคนทั่วโลกในอนาคต  พร้อมกับเพิ่มงบ R&D ในแต่ละปีเป็น 17% ของรายได้เพื่อการพัฒนาและวิจัยสินค้าใหม่ๆออกสู่ตลาด  และตั้งเป้ามีสินค้าใหม่ 100 ประเภทต่อปี

 

พนักงานดี = โปรดักต์ดี

นอกจากนี้ GARMIN  ยังให้ความสำคัญกับ “พนักงาน” อย่างมาก  ทำออฟฟิศให้น่าอยู่ Happy Workplace  ภายในสำนักงานใหญ่ แคนซัส ซิตี้  สหรัฐอเมริกา จึงมีฟิตเนสใหญ่ 2 ชั้น  โรงยิม  สนามฟุตบอล เพื่อส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดี  รวมไปถึง โรงอาหารแบบทันสมัย สวนหย่อมเขียวๆ  และ มุมทำงานชิลๆทั่วออฟฟิศ เพราะผู้บริหารเชื่อว่าพนักงานมีความสุขในการทำงาน ก็จะทำให้ได้โปรดักต์ที่ดีออกมา

 

ทำธุรกิจยุคนี้ต้องมี Innovation

คุณ Cliff Pemble  CEO และ President  แห่ง GARMIN  ให้สัมภาษณ์กับ Brand Buffet ว่า  อนาคตเราพร้อมที่จะต่อยอดไปในโอกาสหรือ Area ใหม่ๆ เพราะว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมีโอกาสของสินค้าใหม่ๆ หรือตลาดใหม่เสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ดังตัวอย่างเช่น กลุ่มธุรกิจยานยนต์ และ สินค้าฟิตเนส ที่เป็นการขยายตลาดออกไป 

CEO – Cliff Pemble

“ทำธุรกิจสมัยนี้สิ่งสำคัญจำเป็นต้องมี Innovation ซึ่งจะทำให้เราแตกต่างจากผู้อื่น  ดังนั้นเราจึงต้องลงทุนกับ R&D จำนวนมากในแต่ละปี  และลงทุนในคน เพราะคนเก่งๆจะพร้อมกับไอเดีย ที่จะทำให้เราไปสู่ตลาดได้  อย่างเช่นในอนาคตเราจึงตั้งเป้าเพิ่มมีทีมงานวิศวกรทั่วโลก เพื่อให้สินค้ามีความ Unqiue”  Cliff Pemble  กล่าวเสริม

สำหรับความท้าทายเรื่อง AI  ซีอีโอมองว่า GARMIN เป็นทั้ง Tech และ  Data  Company อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมามีดาต้าจากอุปกรณ์ที่เก็บรวมรวมไว้มากมายและนำมาพัฒนาโปรดักต์  แต่ที่สำคัญการเก็บดาต้า ไม่ได้เพื่อเราเอง แต่เพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสูดจากสินค้ามากกว่า


แชร์ :

You may also like