หากนับสินค้า Own Brand หรือ House Brand ที่มีอายุอานามเท่าๆ กับบริษัท แบรนด์ “aro” ของ “แม็คโคร” คงเป็นหนึ่งในใจใครหลายคน เพราะกว่า 35 ปี ของแบรนด์ aro เติบโตเคียงข้าง “แม็คโคร” มาโดยตลอด เน้นเจาะลูกค้าโฮเรก้า ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารเป็นหลัก
ทว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ชื่นชอบการทำอาการเองมากขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ใช้ทั่วไป (End User) เริ่มเข้ามาเป็นลูกค้าของ aro มากขึ้น โดยพบว่าสินค้า Own Brand ของแม็คเติบโตต่อเนื่องทุกปี
ทำให้ปีที่ผ่านมา aro มีการแตกซับแบรนด์ aro gold ออกมาขยายตลาดพรีเมียมเพื่อรองรับความต้องการ ไปพร้อมๆกับการขยายฐานลูกค้าไปยัง End User มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ทั้งเนื้อนำเข้าจากญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ผลิตภัณฑ์เนื้อวากิว (ของไทย) หรือแม้กระทั่งข้าวหอมมะลิ ฯลฯ ที่เป็นสินค้าพรีเมียมออกมาทำตลาด
คุณธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย เผยถึงแผนงานดังกล่าวว่า หลายคนรู้จักแบรนด์ aro มานานมาก ซึ่ง aro ว่าเป็นแบรนด์ Own Brand ที่มีอายุเก่าแก่เท่าๆ กับแม็คโคร หรือจะเรียกว่าก่อตั้งมาพร้อมแม็คโครเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป บวกกับมองว่าเรื่องอาหารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ฐานลูกค้าผู้ประกอบการเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงลูกค้าทั่วไปที่ชื่นชอบการทำอาหาร ทำให้เราต้องมีการอัปเกรดแบรนด์เพื่อรองดีมานด์ทั้งหมด ตามเป้าหมายของแม็คโครที่ต้องการเป็น Food Destination ของทุกคน
.“ตอนผมมารับตำแหน่ง CEO ใหม่ๆ แม็คโครมี Own Brand มากกว่า 20 แบรนด์ ผมก็งงว่า Meaning ของเแบรนด์หล่านี้คืออะไร และเมื่อเจาะไปที่แบรนด์ aro พบว่ามีสัดส่วนถึง 51% จากแบรนด์ทั้งหมดเท่ากับว่าคนไทยมีความเชื่อมั่นในแบรนด์ ทำให้เรารู้จัก Brand Architecture ของ aro มากขึ้น และเมื่อเราจะทำแบรนด์ที่ขายแบบพรีเมียม เราจึงนึกถึงแบรนด์ aro มาเป็นลำดับแรก
สำหรับแผนการขยายสัดส่วนสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Own Brand) ประกอบด้วยแผนงานต่าง ๆ ดังนี้
- มุ่งมั่นยกระดับสินค้าแบรนด์ Aro และ Aro Gold ด้วยการพัฒนาสินค้า ทั้งกลุ่มสินค้าบริโภคและอุปโภคให้มีคุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก กว่า 4,000 รายการในราคาเอื้อมถึงได้
- ผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารของแม็คโคร และเชฟชั้นนำระดับโลก พัฒนาสูตรอาหารรสชาติอร่อย ถูกใจผู้บริโภค ทั้งกลุ่มอาหารพร้อมปรุง (Ready-to-Cook) และอาหารพร้อมทาน (Ready-to-Eat) รองรับเทรนด์การเติบโตอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
- เดินหน้าสนับสนุนผลผลิตจากเกษตรกร และ SMEs ท้องถิ่นทั่วประเทศ พร้อมกับผลักดันให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ สร้างงานสร้างรายได้ให้เกษตรกรรายย่อย และ SMEs อย่างยั่งยืนในอนาคต
ปัจจุบันแบรนด์ aro ถือเป็น Own Brand หลักของแม็คโครคิดเป็นสัดส่วน 51% จากแบรนด์ทั้งหมด โดยแบ่งการทำตลาดออกเป็น
- แบรนด์ aro เน้นเจาะลูกค้าระดับกลาง
- แบรนด์ aro gold แบรนด์ระดับพรีเมียม
- แบรนด์ savepak คุ้มค่า คุ้มราคา
- แบรนด์ pet Friendly อาหารน้องหมา น้องแมว
นอกจากการปั้นแบรนด์ aro ให้ติดตลาดในไทยแล้วเป้าหมายต่อไป คือการสร้างความแข่งแกร่งของแบรนด์นตลาดโลก ไม่ใช่แค่ภูมิภาคอาเซียน หากแต่คือการขยายไปยังยุโรป และอีกหลายประเทศทั่วโลก ที่จะมาร่วมค้าขายสินค้าของไทย ภายใต้ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ซึ่งอาจจะมีทั้งแบรนด์ aro, aro gold ตลอดจนการ Co-Branding ร่วมกับพาร์ตเนอร์ทั้งชาวไทยและต่างชาติในอนาคต
อย่างไรก็ตามปัจจุบันแม็คโครมีสาขาทั้งสิ้น 168 สาขา โดยในครึ่งปีหลังที่จะถึงนี้แม็คโคร ยังคงเดินหน้าขยายสาขา และรีโนเวทสาขาเดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดค้าปลีกค้าส่งเมืองไทยที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE