ครบรอบ 25 ปี “มาสเตอร์ แปลน 101” เบอร์หนึ่งตลาดรับสร้างบ้านหรู โชว์ดีไซน์แบบบ้านใหม่ “The Empire One” มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
ความโดดเด่นของ “The Empire One” เป็นบ้านสไตล์ Euro Classic จากยุค Renaissance สร้างบนที่ดินขนาดเริ่มต้น 15 ไร่ ดีไซน์บ้านสะท้อนตัวตน รสนิยม และการใช้ชีวิตของครอบครัวตระกูลใหญ่
โดยมีสวนและลานจัดเลี้ยง Castle Garden ที่ตกแต่งสไตล์ราชวงศ์อังกฤษ รองรับงานเลี้ยงได้มากกว่า 1,000 คน ส่วนบริเวณโถงทางเข้าบ้านพื้นที่กว่า 500 ตร.ม. มีความสูง 21 เมตร และเปิดโล่งเทียบเท่าความสูงของตึก 5 ชั้น รวมถึง Luxury Garage ติดแอร์ ที่จอดซูเปอร์คาร์ได้มากถึง 25 คัน
The Empire One เป็นแบบบ้านเอ็กซ์คลูซีฟเจาะกลุ่มลูกค้า ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักธุรกิจระดับประเทศ นักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ และครอบครัวตระกูลใหญ่ รวมถึงกลุ่มที่มีทรัพย์สินมากกว่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป หรือ UHNWIs (Ultra-high-net-worth individuals)
คุณอนันต์กร อมรวาที กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ แปลน 101 จำกัด ผู้นำบริษัทรับสร้างบ้านหรู กล่าวว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านหรูระดับราคาตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไปในไทยเติบโตต่อเนื่อง เฉลี่ย 30% ต่อปี
จากตัวเลขยอดขายของบริษัทในปี 2565 อยู่ที่ 700 ล้านบาท ปี 2566 ยอดขาย 1,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาท เติบโต 20% มาจากการขยายฐานลูกค้าในตลาดภูมิภาคทั่วประเทศ จากเดิมที่เน้นให้บริการลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก
ปัจจุบัน มาสเตอร์ แปลน 101 เป็นผู้นำในตลาดรับสร้างบ้านหรู ด้วยการนำเสนอแบบบ้านใหม่ ๆ ทุกสไตล์ เช่น นีโอคลาสสิก คลาสสิก คอนเทมโพรารี และโมเดิร์น ที่มีความหลากหลายด้านดีไซน์
ที่ผ่านมาได้พัฒนาแบบบ้านราคา 500 ล้านบาทขึ้นไป เป็นรายแรกในตลาดรับสร้างบ้านหรูที่สร้างความสำเร็จด้านยอดขาย รวมทั้งยังมีแบบบ้าน custom made ที่ออกแบบใหม่ตามความต้องการของลูกค้าอีกด้วย
ตลอด 25 ปีที่ผ่านมาสร้างบ้านหรูมามากกว่า 300 หลัง ปัจจุบันมีการสร้างพร้อมกันทั่วประเทศกว่า 44 หลัง ซึ่งเป็นบ้านที่มีระดับราคามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป กว่า 10 หลัง และยังมีการสร้างบ้านที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดถึง 5,000 ตร.ม. โดยวางเป้าหมายสร้างบ้านหรูให้เป็นแลนด์มาร์กในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
“แนวโน้มพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าในตลาดรับสร้างบ้านหรูเปลี่ยนแปลงไปจาก 10 ปีที่แล้วเป็นอย่างมาก ที่เห็นได้ชัดเจน คือกลุ่มลูกค้ามีอายุน้อยลง และประสบความสำเร็จเร็วขึ้น รวยเร็วขึ้น ทำให้มีความต้องการที่หลากหลาย จึงเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบบ้านใหม่ ๆ มารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในช่วงราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาท ขึ้นไป”
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE